takoe208
November 21st, 2014, 17:48
เมื่ออายุขึ้นเลขสาม สี่หรือห้า สิว ควรบอกลาจากใบหน้าถาวรแล้ว แต่ไหงถึงโผล่มาก่อกวนคนวัยใกล้เกษียณได้อีก
งานวิจัยมากหลายชิ้นในประเทศสหรัฐอเมริกายินยันว่า ผู้ใหญ่เป็น สิว มากขึ้นถึง 12 เปอร์เซ็นต์
เนื่องมาจากสถานะฮอร์โมนไม่ปกติในวัยทอง กินอาหารไม่สมดุล รวมทั้งความเครียด
วิธีสั่งสอน สิว ทำได้ง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
1. หลีกเลี่ยงการใช้เลเซอร์ เพราะมีงานวิจัยยืนยันว่า แสงสีน้ำเงินของเลเซอร์ช่วยลด สิว ได้จริง แต่ก็ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรีย และผกผวนมาเป็น สิว อีก
2. หลีกเลี่ยงการเสพยารักษาโรคความดันในเลือดสูง ชื่อ อัลแดคโตน (Aldactone)ซึ่งจะเข้าไปสะกัดกั้นการสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน และเทสโทสเตอโรน
อันเป็นตัวช่วยพิทักษ์ สิว ในผู้หญิง ฉะนั้นเมื่อฮอร์โมนสองตัวนี้ลดลง สิว จึงผุดขึ้นมา
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนคลุกเคล้าของทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil) 5-15 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากพืชพื้นเมืองของทวีปออสเตรเลียชนิดนี้มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นตัวการก่อ สิว
4. ลดแป้งขัดขาว เพราะแป้งเหล่านี้จะเข้าไปเพิ่มระดับอินซูลินในร่างกาย ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มเติมระดับฮอร์โมนที่กระตุ้นการอักเสบและเพิ่มปริมาณไขมันในร่างกาย
5. ลดเกลือและอาหารทะเล เนื่องจากคุณหมอริเริ่มสังเกตว่า ไอโอดีนในเกลือและอาหารทะเลทำให้ สิว เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น
6. หายหนักใจ เพราะแพทย์ลาดเลาทิศผิวหนัง เบธ แมคเลแลนกล่าวว่า ฮอร์โมนที่มักหลั่งออกมาเวลาเครียดชื่อ คอร์ติซอล มักเพิ่มตำแหน่งการอักเสบ และปริมาณไขมันในร่างกาย
ลองเกลี่ยผลัดกันแก้ไขพฤติกรรมอย่างจริงจัง ไฟโตเอสซีไม่เฉพาะโรค สิว โรคไหนที่ว่าร้าย ก็หายได้ทั้งนั้น
ริ้วรอยก่อนวัยอันควร
ริ้วรอยเกิดจาก การสลายของเส้นใยคอลลาเจน และไฟโตเอสซีอิลาสตินใต้ผิวหนังถูกโค่น ซึ่งสาเหตุที่คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนังถูกทำลาย อาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น รังสียูวี มลภาวะ
การป้องกันอาจทำได้โดยการทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF สูง ๆ แต่สาเหตุเด่นที่ทำให้เกิดริ้วรอย คือ อายุ เมื่อเราอายุมากขึ้น คอลลาเจนและอิลาสติน ในผิวจะถูกผลิตได้น้อยลง ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยได้หวานคอแร้งขึ้น
ควรป้องกันและดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ โดยการรับประทานสารอาหารให้ครบทุกหมู่ เน้นผัก ผลไม้เพราะมีไฟโตเอสซีวิตามินซีสูง ควรทาครีมกันแดดเมื่อจะออกแดดเสมอ และไม่ควรทำหน้าเคร่งเครียด เพราะอาจแจ๋ก่อนวัยอันควรได้
ต้นสายปลายเหตุของการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
1.) แสงแดด ตัวการร้ายที่จะทำให้ริ้วรอยมาก่อนวัยอันควร ก็คือแสงแดดนี่แหละค่ะ โดยล้วนๆปัจจุบันเมืองไทยมีแสงแดดที่แรงมาก เวลาที่หน้าเราสัมผัสแสงแดดอยู่เป็นประจำ ไฟโตเอสซีก็จะเกิดริ้วรอย ผิวคล้ำ
อาจลามไปถึงการเกิดฝ้า กระ อีกด้วย ส่วนใหญ่ริ้วรอยจะเกิดกับคนที่มีอายุไม่ถึง 30 ปี แต่ตอนนี้ริ้วรอยจากแสงแดดจะเกิดกับเด็กที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆเลย
2.) อายุ เมื่อมีคนพูดถึงเรื่องอายุ แล้วถ้าเราตรวจการตัวเองดีๆ หน้าตาสดใส เราก็จะอยากจะประกาศให้รู้ว่าเรา(30) ยังแจ๋วอยู่นะ แต่ถ้าช่วงที่เราไม่ค่อยได้ใส่ใจดูแลตัวเองเท่าที่ควรแล้วละก็เราอยากจะกรี๊ดดังๆ(ในใจไฟโตเอสซี)
แล้วเดินหนีไปในทันที ทั้งรอยเหี่ยวย่น รอยตีนการอบดวงตา หางคิ้ว หน้าผาก เรื่องอายุเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ แต่เราสามารถดูแลและปกป้องรักษาให้ดูอ่อนกว่าวัยได้
3.) ปริมาณคอลลาเจนในชั้นผิว โดยปกติผิวหน้าคุณเต่งตึงต้องตาต้องใจอยู่ได้ เพราะสารคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิว แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายผลิตไฟโตเอสซี
คอลลาเจนได้น้อยลง หรือความสมบูรณ์ของคอลลาเจนเสื่อมลง ริ้วรอยย่อมเกิดขึ้น แต่อาจเกิดช้าๆ ทีละเล็ก เริ่มจากรอยเล็กๆ บางๆ จนแทบมองไม่เห็นหรือมองข้ามไป ซึ่งในแต่ละคน
แต่ละเชื้อชาติล้วนมีคอลลาเจนแตกต่างกัน เปรียบเทียบคนไทยกับต่างชาติที่อายุเพียงบังจะเห็นว่าคนไทยดูสาว ใส อ่อนวัยกว่าไฟโตเอสซีมาก
4.) สิ่งแวดล้อมและการใช้ชีวิตประจำวัน ในยุดสมัยนี้ทุกคนต้องดิ้นรนทำงาน เพื่อที่จะมีเงินใช้ บางคนต้องทำงาน ทั้ง 7 วัน บางคนดำเนินกิจการเลิกดึก บางคนทำงานข้ามวัน
และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันเสื่อมโทรมลงไปจากเมื่อก่อนมาก ทั้งมลพิษทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้แต่สิ่งที่อยู่รอบตัวคุณ
5.) อารมณ์และกระแสความเครียด ความเครียดเป็นสาเหตุของปัญหานี้ คำกล่าวนี้ไม่เกินจริงเลย ยิ่งปัจจุบันนี้อารมณ์ของผู้คนมีทั้งดีทั้งร้ายซึ่งเราดูไม่ออกและเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก
ซึ่งคดีคร่ำเคร่งทำให้เราทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยที่เราไม่รู้ตัว หรือการแสดงไฟโตเอสซีออกทางสีหน้ามากเกินไป ก็ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้
วิธีกาดูแลไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
1.) หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ หรือถ้าต้องออกแดดควรทาครีมกันแดด SPF 50 ขึ้นไป ก่อนออกแดดเป็นเสมอๆทุกวัน
2.) เลือกทานเหยื่อจุนที่มีส่วนประกอบของคอลลลาเจน หรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
3.) นอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง
4.) ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ควรเลือกให้เหมาะสมกับคราวและสถานการณ์ผิว
5.) หลีกออกห่างความเครียดและแอลกอฮอล์
ถ้าต้องการให้สถานภาพพลังงานที่หย่อนยานลงให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็วไม่มีอาหารว่างใดดีไปกว่ากล้วยไฟโตเอสซี อุดมด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุคโทส และกลูโคสไฟโตเอสซี
รวมกับเส้นใยและกากอาหาร กล้วยจะช่วยเสริมเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายทันทีทันใด จากงานวิจัยพบว่ากินกล้วยแค่ 2 ผล ก็สามารถเพิ่มพลังงานให้อย่างเพียงพอ กับการออกกำลังสรีระอย่างเต็มที่ได้นานถึง 90 นาที
จึงไม่น่าแปลกใจที่กล้วยเป็นผลไม้อันดับหนึ่งของนักกีฬาชั้นนำระดับโลก ไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มขึ้นไฟโตเอสซี (http://www.phytoscshop.com)พลังงานเท่านั้นยังช่วยเอาชนะ และป้องกันโรคต่าง ๆ ที่จะเกิดกับร่างกายได้อีกหลายโรค จึงควรรับประทานทุกวัน
1. โรคโลหิตจาง ในกล้วยมีธาตุเหล็กสูงจะเป็นตัวช่วยเร่งเร้าการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด และจะช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลัง หรือภาวะโลหิตจาง
2. โรคความดันโลหิตสูง มีธาตุโปรแตสเซียมสูงสุด แต่มีปริมาณเกลือต่ำ ทำให้เป็นอาหารที่มากขึ้นแบบที่สุดที่จะช่วยความดันโลหิตมาก อย.ไฟโตเอสซีของอเมริกายินยอมให้อุตสาหกรรมการปลูกกล้วยสามารถโฆษณาได้ว่า
กล้วยเป็นผลไม้พิเศษช่วยลดผลร้ายอันเกิดจากเรื่องความดันโลหิตหรือโรคเส้นเลือดฝอยแตก
3. กำลังสมอง นักเรียน 200 คน ที่โรงเรียน Twickenham ได้รับผลดีจากการสอบตลอดปีนี้ ด้วยการเจี๊ยะกล้วยในมื้ออาหารเช้า ตอนพัก และมื้ออาหารกลางวันทุกวัน เพื่อช่วยส่งเสริมกำลังของสมองในพวกเขา
จากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ปริมาณโปรแตสเซียมที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในกล้วย สามารถให้นักเรียนมีการตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น
4. โรคท้องผูก ปริมาณเส้นใยและกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วยลุ้นให้การขับถ่ายเป็นปกติ และยังช่วยแก้ปัญหาโรคท้องผูก โดยไม่ต้องกินยาถ่ายเลย
5. โรคความซึมเศร้า จากการวิเคราะห์เร็ว ๆ นี้ ในจำนวนผู้ที่มีความทุกข์เกิดจากความซึมเศร้าหลายคน จะมีความรู้สึกที่ดีขึ้นมากหลังการกินกล้วย เพราะมีโปรตีนชนิดที่เรียกว่า try potophan เมื่อสารนี้เข้าไปในร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็น
serotonin เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นตัวตากสมองปรับปรุงอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ คือทำให้เรารู้สึกมีความสุขเพิ่มขึ้นนั่นเอง
6. อาการเมาค้าง วิถีทางที่เร็วที่สุดที่จะแก้อาการเมาค้าง คือ การดื่มกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง กล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป
ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับไฟโตเอสซีของเหลวในร่างกายของเรา
7. อาการเสียดท้อง กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติที่มีผลต่อร่างกายของเรา ถ้าอุปสรรคเกี่ยวกับอาการเสียดท้อง ลองกินกล้วยสักผล คุณจะรู้สึกผ่อนคลายจากอาการเสียดท้องได้
8. ความรู้สึกมิสุขสบายในตอนเช้า การกินกล้วยเป็นอาหารว่างระหว่างมื้ออาหาร จะรักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้คงที่ เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า
9. ยุงกัด ก่อนใช้ครีมทาแก้ยุงกัด ลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาบริเวณที่ถูกยุงฉก มีหลายคนพบอย่างมหัศจรรย์ว่า เปลือกกล้วยไฟโตเอสซีสามารถแก้เม็ดผื่นคันที่เกิดจากยุงกัดได้
10. ระบบระสาท ในกล้วยมีวิตามินบี สูงมาก ช่วยทำให้ระบบประสาทสงบลงได้ โรคน้ำหนักเกินและโรคที่เกิดในที่ทำหน้าที่ จากการศึกษาของสถาบันจิตวิทยาในออสเตรียค้นพบว่าไฟโตเอสซี
ความกดดันในที่ปฏิบัติงานเป็นเหตุนำไปสู่การกินอย่างจุบจิบ เช่นอาหารพวกช็อคโกแล็ต และอาหารประเภททอดกรอบต่าง ๆ ในนจำนวนคนไข้ 5,000 คน ในโรงพยาบายต่าง ๆ นักวิจัยพบว่า
ส่วนใหญ่เป็นโรคอ้วนมากเกินไป และส่วนใหญ่ทำงานภายใต้ความกดดันสูงมาก จากรายงานโดยสรุปว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการตื่นตระหนกและนำไปสู่การกินอาหารอย่างบ้าคลั่ง เราจึงต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด
ด้วยการกินภัตว่างที่มีปริมาณคาร์โบโฮเดรตสูง เช่น กินกล้วยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อรักษาปริมาณน้ำตาลให้คงที่ตลอดเวลา ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่อยยา การกินกล้วยที่มีวิตามินบี 6 ซึ่งประกอบด้วย สารควบคุมระดับกลูโคสที่สามารถมีผลต่ออารมณ์ได้
11. โรคลำไส้เป็นแผล กล้วยเป็นอาหารที่แพทย์ใช้กำกับ เพื่อต้านทานการเกิดโรคลำไส้เป็นแผล เพราะเนื้อของกล้วยมีความอ่อนนิ่มพอดี เป็นผลไม้ชนิดเดียวที่ทานได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคลำไส้เรื้อรัง
และกล้วยยังมีสภาวะเป็นกลางไม่เป็นกรด ทำให้ลดการระคายเคือง และยังไปเคลือบผนังลำไส้และกระเพาะอาหารด้วย
12. การกำกับอุณหภูมิของร่างกาย ในวัฒนธรรมของหลายแห่งเห็นว่ากล้วย คือผลไม้ที่สามารถทำให้อุณหภูมิเย็นลงได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจไฟโตเอสซี โดยเฉพาะอุณหภูมิของอารมณ์ของคนที่เป็นแม่ที่ชอบคาดหวัง
ตัวอย่างในประเทศไทย จะให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์รับประทานกล้วยทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่า ทกรกที่เกิดมาจะมีอุณหภูมิเย็น
13. ความฉงนของอารมณ์เป็นครั้งคราว กล้วยสามารถช่วยในเรื่องของอารมณ์และความสับสนได้ เพราะในกล้วยมีสารตามธรรมชาติ try potophan ทำให้อารมณ์ดี
14. การสูบบุหรี่ กล้วยสามารถช่วยคนที่กำลังพยายามเลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากในกล้วยมีปริมาณของวิตามินซี เอ บี6 และบี 12 ที่สูงมาก และยังมีโปรแตสเซียมกับแมกนีเซียม ที่ช่วยทำให้ร่างกายฟื้นขึ้นคืนตัวได้เร็ว อันเป็นผลจากการลดเลิกนิโคตินนั่นเอง
15. ความเครียด โปรแตสเซียมเป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยให้การเต้นของหัวใจเป็นนิจสิน การส่งออกซิเจน ไปยังสมอง และปรับระดับน้ำในร่างกาย ไฟโตเอสซีเวลาเกิดอารมณ์เคร่งเครียด อัตรา metabolic
ในร่างกายของเราจะขึ้นสูง และทำให้ระดับโปรแตสเซียมในร่างกายของเราลดยอม แต่โปรแตสเซียมที่มีอยู่สูงมากในกล้วยจะช่วยให้เกิดความสมดุล
16. เส้นเลือดฝอยปริ พลัดการการศึกษาค้นคว้าแห่งหนลงที่วารสาร
งานวิจัยมากหลายชิ้นในประเทศสหรัฐอเมริกายินยันว่า ผู้ใหญ่เป็น สิว มากขึ้นถึง 12 เปอร์เซ็นต์
เนื่องมาจากสถานะฮอร์โมนไม่ปกติในวัยทอง กินอาหารไม่สมดุล รวมทั้งความเครียด
วิธีสั่งสอน สิว ทำได้ง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
1. หลีกเลี่ยงการใช้เลเซอร์ เพราะมีงานวิจัยยืนยันว่า แสงสีน้ำเงินของเลเซอร์ช่วยลด สิว ได้จริง แต่ก็ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรีย และผกผวนมาเป็น สิว อีก
2. หลีกเลี่ยงการเสพยารักษาโรคความดันในเลือดสูง ชื่อ อัลแดคโตน (Aldactone)ซึ่งจะเข้าไปสะกัดกั้นการสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน และเทสโทสเตอโรน
อันเป็นตัวช่วยพิทักษ์ สิว ในผู้หญิง ฉะนั้นเมื่อฮอร์โมนสองตัวนี้ลดลง สิว จึงผุดขึ้นมา
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนคลุกเคล้าของทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil) 5-15 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากพืชพื้นเมืองของทวีปออสเตรเลียชนิดนี้มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นตัวการก่อ สิว
4. ลดแป้งขัดขาว เพราะแป้งเหล่านี้จะเข้าไปเพิ่มระดับอินซูลินในร่างกาย ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มเติมระดับฮอร์โมนที่กระตุ้นการอักเสบและเพิ่มปริมาณไขมันในร่างกาย
5. ลดเกลือและอาหารทะเล เนื่องจากคุณหมอริเริ่มสังเกตว่า ไอโอดีนในเกลือและอาหารทะเลทำให้ สิว เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น
6. หายหนักใจ เพราะแพทย์ลาดเลาทิศผิวหนัง เบธ แมคเลแลนกล่าวว่า ฮอร์โมนที่มักหลั่งออกมาเวลาเครียดชื่อ คอร์ติซอล มักเพิ่มตำแหน่งการอักเสบ และปริมาณไขมันในร่างกาย
ลองเกลี่ยผลัดกันแก้ไขพฤติกรรมอย่างจริงจัง ไฟโตเอสซีไม่เฉพาะโรค สิว โรคไหนที่ว่าร้าย ก็หายได้ทั้งนั้น
ริ้วรอยก่อนวัยอันควร
ริ้วรอยเกิดจาก การสลายของเส้นใยคอลลาเจน และไฟโตเอสซีอิลาสตินใต้ผิวหนังถูกโค่น ซึ่งสาเหตุที่คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนังถูกทำลาย อาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น รังสียูวี มลภาวะ
การป้องกันอาจทำได้โดยการทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF สูง ๆ แต่สาเหตุเด่นที่ทำให้เกิดริ้วรอย คือ อายุ เมื่อเราอายุมากขึ้น คอลลาเจนและอิลาสติน ในผิวจะถูกผลิตได้น้อยลง ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยได้หวานคอแร้งขึ้น
ควรป้องกันและดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ โดยการรับประทานสารอาหารให้ครบทุกหมู่ เน้นผัก ผลไม้เพราะมีไฟโตเอสซีวิตามินซีสูง ควรทาครีมกันแดดเมื่อจะออกแดดเสมอ และไม่ควรทำหน้าเคร่งเครียด เพราะอาจแจ๋ก่อนวัยอันควรได้
ต้นสายปลายเหตุของการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
1.) แสงแดด ตัวการร้ายที่จะทำให้ริ้วรอยมาก่อนวัยอันควร ก็คือแสงแดดนี่แหละค่ะ โดยล้วนๆปัจจุบันเมืองไทยมีแสงแดดที่แรงมาก เวลาที่หน้าเราสัมผัสแสงแดดอยู่เป็นประจำ ไฟโตเอสซีก็จะเกิดริ้วรอย ผิวคล้ำ
อาจลามไปถึงการเกิดฝ้า กระ อีกด้วย ส่วนใหญ่ริ้วรอยจะเกิดกับคนที่มีอายุไม่ถึง 30 ปี แต่ตอนนี้ริ้วรอยจากแสงแดดจะเกิดกับเด็กที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆเลย
2.) อายุ เมื่อมีคนพูดถึงเรื่องอายุ แล้วถ้าเราตรวจการตัวเองดีๆ หน้าตาสดใส เราก็จะอยากจะประกาศให้รู้ว่าเรา(30) ยังแจ๋วอยู่นะ แต่ถ้าช่วงที่เราไม่ค่อยได้ใส่ใจดูแลตัวเองเท่าที่ควรแล้วละก็เราอยากจะกรี๊ดดังๆ(ในใจไฟโตเอสซี)
แล้วเดินหนีไปในทันที ทั้งรอยเหี่ยวย่น รอยตีนการอบดวงตา หางคิ้ว หน้าผาก เรื่องอายุเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ แต่เราสามารถดูแลและปกป้องรักษาให้ดูอ่อนกว่าวัยได้
3.) ปริมาณคอลลาเจนในชั้นผิว โดยปกติผิวหน้าคุณเต่งตึงต้องตาต้องใจอยู่ได้ เพราะสารคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิว แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายผลิตไฟโตเอสซี
คอลลาเจนได้น้อยลง หรือความสมบูรณ์ของคอลลาเจนเสื่อมลง ริ้วรอยย่อมเกิดขึ้น แต่อาจเกิดช้าๆ ทีละเล็ก เริ่มจากรอยเล็กๆ บางๆ จนแทบมองไม่เห็นหรือมองข้ามไป ซึ่งในแต่ละคน
แต่ละเชื้อชาติล้วนมีคอลลาเจนแตกต่างกัน เปรียบเทียบคนไทยกับต่างชาติที่อายุเพียงบังจะเห็นว่าคนไทยดูสาว ใส อ่อนวัยกว่าไฟโตเอสซีมาก
4.) สิ่งแวดล้อมและการใช้ชีวิตประจำวัน ในยุดสมัยนี้ทุกคนต้องดิ้นรนทำงาน เพื่อที่จะมีเงินใช้ บางคนต้องทำงาน ทั้ง 7 วัน บางคนดำเนินกิจการเลิกดึก บางคนทำงานข้ามวัน
และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันเสื่อมโทรมลงไปจากเมื่อก่อนมาก ทั้งมลพิษทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้แต่สิ่งที่อยู่รอบตัวคุณ
5.) อารมณ์และกระแสความเครียด ความเครียดเป็นสาเหตุของปัญหานี้ คำกล่าวนี้ไม่เกินจริงเลย ยิ่งปัจจุบันนี้อารมณ์ของผู้คนมีทั้งดีทั้งร้ายซึ่งเราดูไม่ออกและเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก
ซึ่งคดีคร่ำเคร่งทำให้เราทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยที่เราไม่รู้ตัว หรือการแสดงไฟโตเอสซีออกทางสีหน้ามากเกินไป ก็ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้
วิธีกาดูแลไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
1.) หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ หรือถ้าต้องออกแดดควรทาครีมกันแดด SPF 50 ขึ้นไป ก่อนออกแดดเป็นเสมอๆทุกวัน
2.) เลือกทานเหยื่อจุนที่มีส่วนประกอบของคอลลลาเจน หรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
3.) นอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง
4.) ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ควรเลือกให้เหมาะสมกับคราวและสถานการณ์ผิว
5.) หลีกออกห่างความเครียดและแอลกอฮอล์
ถ้าต้องการให้สถานภาพพลังงานที่หย่อนยานลงให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็วไม่มีอาหารว่างใดดีไปกว่ากล้วยไฟโตเอสซี อุดมด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุคโทส และกลูโคสไฟโตเอสซี
รวมกับเส้นใยและกากอาหาร กล้วยจะช่วยเสริมเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายทันทีทันใด จากงานวิจัยพบว่ากินกล้วยแค่ 2 ผล ก็สามารถเพิ่มพลังงานให้อย่างเพียงพอ กับการออกกำลังสรีระอย่างเต็มที่ได้นานถึง 90 นาที
จึงไม่น่าแปลกใจที่กล้วยเป็นผลไม้อันดับหนึ่งของนักกีฬาชั้นนำระดับโลก ไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มขึ้นไฟโตเอสซี (http://www.phytoscshop.com)พลังงานเท่านั้นยังช่วยเอาชนะ และป้องกันโรคต่าง ๆ ที่จะเกิดกับร่างกายได้อีกหลายโรค จึงควรรับประทานทุกวัน
1. โรคโลหิตจาง ในกล้วยมีธาตุเหล็กสูงจะเป็นตัวช่วยเร่งเร้าการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด และจะช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลัง หรือภาวะโลหิตจาง
2. โรคความดันโลหิตสูง มีธาตุโปรแตสเซียมสูงสุด แต่มีปริมาณเกลือต่ำ ทำให้เป็นอาหารที่มากขึ้นแบบที่สุดที่จะช่วยความดันโลหิตมาก อย.ไฟโตเอสซีของอเมริกายินยอมให้อุตสาหกรรมการปลูกกล้วยสามารถโฆษณาได้ว่า
กล้วยเป็นผลไม้พิเศษช่วยลดผลร้ายอันเกิดจากเรื่องความดันโลหิตหรือโรคเส้นเลือดฝอยแตก
3. กำลังสมอง นักเรียน 200 คน ที่โรงเรียน Twickenham ได้รับผลดีจากการสอบตลอดปีนี้ ด้วยการเจี๊ยะกล้วยในมื้ออาหารเช้า ตอนพัก และมื้ออาหารกลางวันทุกวัน เพื่อช่วยส่งเสริมกำลังของสมองในพวกเขา
จากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ปริมาณโปรแตสเซียมที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในกล้วย สามารถให้นักเรียนมีการตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น
4. โรคท้องผูก ปริมาณเส้นใยและกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วยลุ้นให้การขับถ่ายเป็นปกติ และยังช่วยแก้ปัญหาโรคท้องผูก โดยไม่ต้องกินยาถ่ายเลย
5. โรคความซึมเศร้า จากการวิเคราะห์เร็ว ๆ นี้ ในจำนวนผู้ที่มีความทุกข์เกิดจากความซึมเศร้าหลายคน จะมีความรู้สึกที่ดีขึ้นมากหลังการกินกล้วย เพราะมีโปรตีนชนิดที่เรียกว่า try potophan เมื่อสารนี้เข้าไปในร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็น
serotonin เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นตัวตากสมองปรับปรุงอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ คือทำให้เรารู้สึกมีความสุขเพิ่มขึ้นนั่นเอง
6. อาการเมาค้าง วิถีทางที่เร็วที่สุดที่จะแก้อาการเมาค้าง คือ การดื่มกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง กล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป
ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับไฟโตเอสซีของเหลวในร่างกายของเรา
7. อาการเสียดท้อง กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติที่มีผลต่อร่างกายของเรา ถ้าอุปสรรคเกี่ยวกับอาการเสียดท้อง ลองกินกล้วยสักผล คุณจะรู้สึกผ่อนคลายจากอาการเสียดท้องได้
8. ความรู้สึกมิสุขสบายในตอนเช้า การกินกล้วยเป็นอาหารว่างระหว่างมื้ออาหาร จะรักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้คงที่ เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า
9. ยุงกัด ก่อนใช้ครีมทาแก้ยุงกัด ลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาบริเวณที่ถูกยุงฉก มีหลายคนพบอย่างมหัศจรรย์ว่า เปลือกกล้วยไฟโตเอสซีสามารถแก้เม็ดผื่นคันที่เกิดจากยุงกัดได้
10. ระบบระสาท ในกล้วยมีวิตามินบี สูงมาก ช่วยทำให้ระบบประสาทสงบลงได้ โรคน้ำหนักเกินและโรคที่เกิดในที่ทำหน้าที่ จากการศึกษาของสถาบันจิตวิทยาในออสเตรียค้นพบว่าไฟโตเอสซี
ความกดดันในที่ปฏิบัติงานเป็นเหตุนำไปสู่การกินอย่างจุบจิบ เช่นอาหารพวกช็อคโกแล็ต และอาหารประเภททอดกรอบต่าง ๆ ในนจำนวนคนไข้ 5,000 คน ในโรงพยาบายต่าง ๆ นักวิจัยพบว่า
ส่วนใหญ่เป็นโรคอ้วนมากเกินไป และส่วนใหญ่ทำงานภายใต้ความกดดันสูงมาก จากรายงานโดยสรุปว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการตื่นตระหนกและนำไปสู่การกินอาหารอย่างบ้าคลั่ง เราจึงต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด
ด้วยการกินภัตว่างที่มีปริมาณคาร์โบโฮเดรตสูง เช่น กินกล้วยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อรักษาปริมาณน้ำตาลให้คงที่ตลอดเวลา ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่อยยา การกินกล้วยที่มีวิตามินบี 6 ซึ่งประกอบด้วย สารควบคุมระดับกลูโคสที่สามารถมีผลต่ออารมณ์ได้
11. โรคลำไส้เป็นแผล กล้วยเป็นอาหารที่แพทย์ใช้กำกับ เพื่อต้านทานการเกิดโรคลำไส้เป็นแผล เพราะเนื้อของกล้วยมีความอ่อนนิ่มพอดี เป็นผลไม้ชนิดเดียวที่ทานได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคลำไส้เรื้อรัง
และกล้วยยังมีสภาวะเป็นกลางไม่เป็นกรด ทำให้ลดการระคายเคือง และยังไปเคลือบผนังลำไส้และกระเพาะอาหารด้วย
12. การกำกับอุณหภูมิของร่างกาย ในวัฒนธรรมของหลายแห่งเห็นว่ากล้วย คือผลไม้ที่สามารถทำให้อุณหภูมิเย็นลงได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจไฟโตเอสซี โดยเฉพาะอุณหภูมิของอารมณ์ของคนที่เป็นแม่ที่ชอบคาดหวัง
ตัวอย่างในประเทศไทย จะให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์รับประทานกล้วยทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่า ทกรกที่เกิดมาจะมีอุณหภูมิเย็น
13. ความฉงนของอารมณ์เป็นครั้งคราว กล้วยสามารถช่วยในเรื่องของอารมณ์และความสับสนได้ เพราะในกล้วยมีสารตามธรรมชาติ try potophan ทำให้อารมณ์ดี
14. การสูบบุหรี่ กล้วยสามารถช่วยคนที่กำลังพยายามเลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากในกล้วยมีปริมาณของวิตามินซี เอ บี6 และบี 12 ที่สูงมาก และยังมีโปรแตสเซียมกับแมกนีเซียม ที่ช่วยทำให้ร่างกายฟื้นขึ้นคืนตัวได้เร็ว อันเป็นผลจากการลดเลิกนิโคตินนั่นเอง
15. ความเครียด โปรแตสเซียมเป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยให้การเต้นของหัวใจเป็นนิจสิน การส่งออกซิเจน ไปยังสมอง และปรับระดับน้ำในร่างกาย ไฟโตเอสซีเวลาเกิดอารมณ์เคร่งเครียด อัตรา metabolic
ในร่างกายของเราจะขึ้นสูง และทำให้ระดับโปรแตสเซียมในร่างกายของเราลดยอม แต่โปรแตสเซียมที่มีอยู่สูงมากในกล้วยจะช่วยให้เกิดความสมดุล
16. เส้นเลือดฝอยปริ พลัดการการศึกษาค้นคว้าแห่งหนลงที่วารสาร