PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : แบ่งปันประสบการณ์การรับซื้อธนบัตรเก่า



ake96bun
February 1st, 2015, 11:13
สวัสดีครับผมขอสนทนาความช่ำชองการทำงานร้านรับซื้อธนบัตรเก่า (http://www.เข็มเพ็ชร์วัตถุโบราณ.com)เมื่อเกือบ20ปีก่อนให้อ่านกันนะครับ  เพื่อเป็นวิทยาธาน  ผมทำงานที่ร้านรับซื้อธนบัตรเก่ามาหลายปี มีอยู่หลายครั้งที่ลูกค้านำธนบัตรเก่ามาขาย และสืบถามข้อมูลเกี่ยวกับการรับซื้อธนบัตรเก่า ซึ่งผมก็ตอบไปตามที่จริง ไม่เคยพูดเท็จลูกค้าเลยสักครั้ง แต่ผมก็ต้องโดนเจ้านายตำหนิอยู่หลายครั้งเพราะผมยังไม่จัดเจนในการดูธนบัตรเก่า บางครั้งผมก็รับซื้อธนบัตรเก่าในมูลค่าที่สูงเกิน จนถูกตัดเงิน แต่ที่ช้ำใจ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมรับซื้อธนบัตรเก่ามาแต่เป็นธนบัตรปลอม ผมแยกไม่ออกเลยครับ เพราะกระดาษเหมือนกันมากจนผมแยกไม่ออก ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีโจรผู้ร้ายมาในรูปแบบนี้ ขนาดร้านรับซื้อธนบัตรเก่ายังไม่เว้นเลย ผมคิดหนักผมทำงานกับร้านรับซื้อธนบัตรเก่า ผมก็ได้เงินน้อยอยู่แล้ว ยังจะถูกตัดเงินเพราะความที่ผมยังไม่ชำนาญงานอีก หลังจากนั้นผมก็ศึกษาการรับซื้อธนบัตรเก่าอย่างตั้งใจ โดยการเก็บความฉลาดจากเจ้าของร้านรับซื้อธนบัตรเก่าที่ผมทำงานอยู่ และผมก็ตระเวนดูร้านรับซื้อธนบัตรเก่าร้านอื่นอีกเพื่อเปรียบเทียบ และดูเกม การตลาดการซื้อขายฃองร้านที่ผมได้ตระเวนดูและศึกษา หลังจากนั้นผมได้เก็บประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 20 ปี ผมจึงได้มาออกร้านรับซื้อธนบัตรเก่า เหรียญเก่าทุกประเภททุกชนิดเริ่มเปิดร้านตั้งแต่ ปี2545 จนถึงทุกวันนี้ จนมีผู้ซื้อมากหน้าหลายตา มีทั้งลูกค้าเก่า ใหม่ เข้ามาสนทนาแลกเปลี่ยนและซื้อขาย แบงค์ในประเทศไทย เริ่มมีการใช้ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้มีการใช้ "เงินกระดาษ" เป็นครั้งแรกแต่ยังไม่ได้เรียกว่า "ธนบัตร" ใช้คำว่า "หมาย" เรียกแทน โดยออกใช้เมื่อพ.ศ. 2396 และคงใช้ต่อมาทั้งสิ้น 3 รุ่นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้ "ตั๋วกระดาษ" ค่า 1 อัฐ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2417 เพื่อใช้แทนเงินเหรียญกษาปณ์ที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งเป็นที่เกิดของคำว่า "อัฐกระดาษ" ที่ใช้เรียกขานกันในหมู่ประชาชน ต่อมาในปี พ.ศ. 2432-2442 ทรงอนุญาตให้ธนาคารต่างประเทศที่เข้ามาเปิดสาขาดำเนินงานในประเทศไทย คือ ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้, ธนาคารชาเตอรด์แห่งอินเดีย ออสเตรเลีย และจีน และธนาคารแห่งอินโดจีน ให้สามารถออกธนบัตรของตัวเองได้ เรียกว่า "แบงก์โน้ต" หรือ "แบงก์" นับว่าเป็น "บัตรธนาคาร" รุ่นแรกๆ ที่มีใช้ในประเทศไทย จนถึงวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2445 จึงทรงให้เลิก และประกาศใช้ "ธนบัตร" แบบแรกของประเทศไทยอย่างเป็นทางราชการ
ชนิดของธนบัตรไทยและธนบัตรหมุนเวียน เป็นธนบัตรที่ใช้แลกเปลี่ยนประจำวันทั่วไป มีมูลค่าแลกเปลี่ยนตามราคาปรากฏในธนบัตรเมื่อมีการชำรุดทรุดโทรมเสียหายก็จะมีการพิมพ์ทดแทน  ธนบัตรไทยที่ออกใช้ตั้งแต่แบบแรกเมื่อ  วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2445 จนถึปัจจุบัน (พ.ศ. 2555) มีออกมาใช้ทั้งหมด16แบบ
แบบที่1 เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่ 7ก.ย. 2445 มีชนิดราคา 1-5-20-100-100 บาท  แบบที่2 เริ่มใช้การเริ่มต้นวันที่  ก.ค. 2468  มีชนิดราคา 1-5-20-100-100 บาท  แบบที่3 เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่22มิ.ย.มีชนิดราคา1-5-10-20 บาท  แบบที่4เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่  5 ธ.ค 2484 มีชนิดราคา 1-5-20-100-100 บาท  แบบที่5 เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่ 8 ธ.ค.2484มีชนิดราคา 50ส.ต-1-5-20-100-100 บาท  แบบที่6 เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่21 ก.พ. 2488 มีชนิดราคา20-100บาท  แบบที่7เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่21 ก.พ.2488 มีชนิดราคา 1-5-10-50บาท แบบ8ที่เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่14 พ.ย.2489มีชนิดราคา 1-5-10-20-100บาท แบบที่9เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่ 26 พ.ค 2491มีชนิดราคา 50สตางค์-1-5-10-20-100บาท แบบที่10เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่ 16 พ.ค. แบบที่11เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่ 18 มิ.ย 2512มีชนิดราคา5-10-20-100-500 บาทแบบที่12เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่ 6เม.ย. 2512 มีชนิดราคา 10-20-100บาท แบบที่13เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่ 30ส.ค. 2528มีชนิดราคา  50-500 บาท แบบที่14เริ่มใช้ครั้งแรกวันที่ 10 ส.ค.2535 มีชนิดราคา 100-500-1000 บาท แบบที่15เริ่มใช้ครั้งแรก ปี2542 มีชนิดราคา   10-20-50-100-500-1000 บาท แบบที่16เริ่มใช้ครั้งแรก 18 ม.ค.2555 มีชนิดราคา  10-20-50-100-500-1000 บาท  ยังไงผมขอฝากความรู้และความช่ำชองของผมเรื่องการรับซื้อ ธนบัตรเก่าไว้ด้วยนะคะ