PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : หน้าร้อนแล้ว มารู้จักอันดับแอร์บ้านก่อนตัดสินใจ



lpra2458
March 31st, 2015, 11:37
แอร์บ้านหัวกะทิหลายยี่ห้อที่วางจำหน่ายในประเทศไทย
แอร์บ้าน ( Air conditioner) เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขนานนามเป็นทางการว่า เครื่องปรับอากาศ ซึ่งแบ่งตามประเภทการใช้งาน ที่ใช้ตามที่พักอาศัย และอาคารสำนักงาน  7 ประภท ดังนี้
1)แอร์ติดผนัง ( Wall type) เป็นแอร์บ้าน ใช้กับห้องที่มีขนาดเล็ก ที่นิยมขนาด 9,000-25,000 บีทียู รูปทรงสวยงามเล็ก เล็ก เหมาะกับในห้องนอน ห้องรับแขก ราคาไม่สูงมาก มีหลายยี่ห้อให้เลือก
2)แอร์ตั้งแขวน (Ceiling type)ทั้งแบบเปลือย เป็นแอร์บ้าน ที่เหมาะสำหรับห้อง ที่มีพื้นที่ตั้งแต่เล็ก ไปจนถึงห้องที่มีพื้น ที่ขนาดใหญ่ ที่ต้องการใช้แรงลมส่งไกล ๆ การติดตั้งยากกว่าแบบผนัง ดีไซน์มาสำหรับไม่มีพื้นที่ผนังให้ติด เป็นห้องกระจก บางโอกาศ อาจจะ ใช้ตั้งพื้น ถ้าไม่มีผนังและฝ้าเพดานติด ขนาดที่แบบตั้งแต่ 25,000 บีทียู-60,000 บีทียู 
3)แอี์ตู้ตั้งพื้น ( Package type) เป็นแอร์บ้าน มีลักษณะราวกับตู้ ตั้ง มีกำลังลมที่แรง เหมาะกับบริเวณที่มี คนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา ลมข้อนข้างแรง แอร์บ้านประเภทนี้ตั้งกับพื้นนิยมตั้งแต่ขนาด 25,000 บีทียู-100,000 บีทียู
4)แอร์ฝังฝ้าเพดาน สี่ทิศทาง ( Cassette type) เป็นแอร์บ้าน เน้นความอร่าม โดยการซ่อน หรือฝังอยู่ ใต้ฝ้าหรือเพดานห้อง เน้นความสวยงามโอ่อ่า นิยมใช้กับห้องรับแขกหรือห้องโถง ไม่เกาะกะพื้นที่ รูปทรง 4 เหลี่ยม ฝังอบูในฝ้าเพดาน แอร์บ้านรุ่นนี้ นิยม ตั้งแต่ขนาด 25,000 บีทียู-60,000 บีทียู มีการผลิตไม่หลาย ยี่ห้อ 
5)แอร์หน้าต่าง  ( Window type) เป็นแอร์บ้าน รวมทั้ง คอนเดนซิ่ง ยูนิต และ แฟนคอยล์  ยูนิต อยู่ในเครื่องเดี่ยว (ไม่นิยมใช้แล้ว) การติดตั้ง แทนหน้าต่างโดยไม่ต้องเดินสายท่อแอร์ แต่ไม่นิยมเพราะเสียงดัง เข้ามาในห้อง และติดตั้งข้อนข้างยาก เพราะขนาด หน้าต่างดีไซน์ไมาเท่ากับแอร์ต้องตัดผนัง แต่ปัจจัน บางบริษัทผลิตแอร์ยังมีผลิตอยู่แต่ไม่มาก
6) แอร์แบบเคลื่อนที่ ( Movable type) เป็นแอร์บ้าน ไม่ต้องทำการติดตั้ง และทำเป็นเข็นไปใช้ได้ ทุกพื้นที่ สามารถเสียบ ปลั๊กใช้ได้เลย ข้อเสียคือ ไม่มีเบอร์ 5 ใช้วิธีต่อท่อลมร้อนออกทางหน้าต่าง ขนาดที่มีใช้ แอร์บ้านชนิดนี้ 9,000-18,000 บีทียู นิยมใช้กับห้อง ขนาดเล็ก ราคาเทียบกะแอร์ผนัง สูงกว่า แอร์ผนัง 
7) แอร์แบบท่อลม  (Duct type) เป็นแอร์บ้าน ใช้ท่อลมส่ง ความเย็น เข้าตามห้อง แอร์บ้านที่ใช้กับบ้านหลาย ๆ ห้องโดยมีแอร์เพียงชุดเดียว ส่งท่อลมไปตามห้องต่าง ๆ ข้อดีติดตั้งแอร์ตัวเดียว ส่งลมเข้าห้องต่าง ๆ ข้อเสียหายถ้าแอร์บ้านเสีย ห้องต่างๆ จะไม่เย็นพร้อมกันทำ ให้ใความนิยมน้อยมากสำหรับบ้านพักอาศัย 25,000-300,000 บีทียู
  แอร์บ้าน คนไทยเราใช้เป็นภารดีพูด ที่มาจาก เครื่องปรับอากศ ซึ้งเป็นศัพท์ทางการ ประโยชน์ที่ใช้เพื่อกระจาย อุณหภูมิในห้องให้มีความเหมาะกับร่างการมนุษย์ หรือสัตว์ สิงห้อง ซึ้งอุณหภูมิที่เหมาะกะร่างกายคนเราที่เย็สบายประมาณ 25 องศาเซลเซียสหรือราวๆ แอร์บ้านใช้ น้ำยา r22 ปัจจุบันเริมเปลี่ยนมาใช้ น้ำยา r410,r407,r32 เพื่อลดภาวะโลกร้อน แอร์บ้าน ที่ประหยัดพลังงาน ต้องมีค่า eerที่สูงยิ่งสูงยิงดี ปัจจุบัน ค่า eer สูงถึง ค่า EER นี้ ถูกใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินฉลากพลังงานด้วย โดยที่เครื่องปรับอากาศที่ จะได้ฉลาดประหยัดไฟเบอร์ 5 ในประเทศไทย จะต้องมีค่า EER = 11.6 ขึ้นไป สำหรับเครื่องปรับอากาศสัดส่วนไม่เกิน 27,296 บีทียู/ชั่วโมง และ 11.0 ขึ้นไป เหตุด้วยเครื่องปรับอากาศขนาด มากกว่า 27,296 บีทียู/ชั่วโมง
  ประเภทของเครื่องปรับอากาศภายในบ้านเรือน ถ้าแบ่งตามลักษณะสถานภาพของแฟนคอยล์ ยุนิท(FAN COIL)และคอนเดนซิ่ง ยูนิต( CONDENSING)ตัวพัดลมที่เป่าความร้อนออกไปภายนอก) จะแบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1.แบบชิ้นเดียว - หรือที่พวกเราคุ้นเคยในในชื่อ แอร์ฝังหน้าต่าง/ผนัง ตัวแฟนคอยล์ ยุนิตจะอยู่เป็นชิ้นเดียวกับตัวคอนเดนซิ่ง ยุนิต (ส่วนที่เป่าลมเย็นให้กับภายในห้อง) ข้อดีของเครื่องแบบนี้คือขนาดกะทัดรัด ติดตั้งง่ายเพราะไม่ต้องเดินท่อน้ำยาแอร์ แต่ข้อเสียคือ เสียงจะค่อนข้าง ดัง(โดยเฉพาะเมื่อมันเก่ามากๆ) แรงรัวที่กระทำต่อตัวเครื่องและแผนการของจุดที่ติดตั้งก็มีสูง และถ้าเครื่องมีขนาดขนาดใหญ่เกินไปจะมีปัญหาในการติดตั้ง เพราะบริเวณเพราะบริเวณช่องหน้าต่าง/ผนังไม่สามารถรับน้ำหนักมากได้ ต้องทำโครงสร้างมาช่วยค้ำจุนเพิ่ม
2.แบบแยกชิ้น - เป็นแบบที่เราเห็นกันได้ทั่วไปและนิยมอเนกที่สุด โดยตัวแฟนคอยล์ ยุนิตนั้นจะแยกไปติดตั้งภายนอกอาคาร ทำให่มีข้อดีคือเงียบ และมีรูปแบบให้เลือกค่อนข้างมาก ข้อเสียคือการติดตั้งที่จะค่อนข้างเปลืองเวลาเพราะต้องมีการเดินท่อน้ำยาแอร์   แอร์บ้าน (http://www.108air.com/)
[/URL]น้ำยาแอร์ปัจจุบันที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศภายทั่วๆ ไปรวมถึงตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศแบบส่วนกลางที่ใช้ในอาคารขนาดใหญ่ ในปัจจุบันมีชื่อเรียกทางเคมีว่า R-22 ส่วนน้ำยาแอร์สำหรับเปลืองในรถยนต์มีชื่อเรียกทางเคมีว่า R-134A