wat26asta
June 1st, 2015, 13:29
ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข โดยกองโภชนาการ กรมอนามัย ได้มี "ข้อแนะนำการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพของคนไทย" (Food Based Dietary Guildlines) 9 ข้อ ดังนี้
ข้อ1. กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว (สไปเลนด์ (http://astaxanthin-spirulina-cellfood.lnwshop.com/))
คำเสนอแนะนี้เป็นข้อแนะนำหลัก ยึดอาหารหลัก 5 หมู่ และเพิ่มความสำคัญของการกินอาหารแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด น้ำหนักตัวเป็นเครื่องชี้ให้เห็นอย่างง่ายถึงภาวะสุขภาพ ในผู้ใหญ่ที่กินอาหารได้เหมาะสม จะมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม มีรูปร่างที่ไม่อ้วนหรือผอมเกินไปและมีน้ำหนักตัวค่อนข้างคงที่ หากสังเกตเห็นว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากน้ำหนักปกติ แสดงให้เห็นว่าเริ่มกินอาหารมากเกินไปแล้ว จำต้องจะต้องหันมาควบคุมลดปริมาณให้น้อยลง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เสื้อผ้าคับก่อนที่เริ่มรู้สึกตัวเพราะเสื้อผ้าสมัยใหม่มักนิยมใช้สายยืดเพื่อให้สวมใส่สบาย
หรือหากพบว่าน้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆ ก็ควรต้องให้ความสนใจพร้อมทั้งสังเกตว่ามีการอ่อนเพลีย ง่วง ซึม หรืออาการที่แตกต่างไปจากปกติเกิดขึ้นด้วยหรือไม่ ถ้ามีอาการมากควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ สำหรับเด็ก ร่างกายมีการเจริญเติบโต น้ำหนักตัวควรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราที่เหมาะสม ดังนั้น ควรหมั่นชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้ง
ข้อ2. กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ (สไปเลนด์)
เพื่อเป็นการรักษาเอกลักษณ์ของคนไทย จึงให้ความสำคัญกับการกินข้าวเป็นอาหารหลัก ถ้าเป็นไปได้ ควรกินข้าวซ้อมมือ เพราะมีวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีนและใยอาหารมากกว่าข้าวที่ขัดสีจนขาว
ส่วนอาหารแป้ง เช่น ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ให้กินเป็นบางมื้อ อาหารแป้งเป็นอาหารที่ผ่าน-การแปรรูป ใยอาหารจะมีน้อยกว่าในข้าว
ข้อ3. กินพืชผักให้มาก และกินผลไม้เป็นประจำ (สไปเลนด์)
อาหารหลัก 5 หมู่ ของไทยมีเอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การจัดแยกพืชผัก และผลไม้เป็นอาหารหลักคนละหมู่
เนื่องจากประเทศไทยมีพืชผักและผลไม้อุดมสมบูรณ์ที่ผู้บริโภคสามารถเลือกบริโภคได้ตลอดปี
พืชผักและผลไม้ให้สารอาหารที่สำคัญหลายชนิด คือ วิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยอาหาร และให้สารอื่นที่มิใช่สารอาหาร เช่น
สารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์ ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูสดใส ไม่แก่เกินวัย นอกจากนี้ยังให้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพรที่ช่วยรักษาสุขภาพอนามัย
ข้อ4. กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ (สไปเลนด์)
เป็นการกินอาหารที่ให้โปรตีน โดยมุ่งเน้นปลาและอาหารประเภทถั่วเมล็ดแห้ง เช่น เต้าหู้ชนิดต่างๆ สำหรับเนื้อสัตว์ให้เลือกที่ไม่ติดมัน หรือที่มีมันน้อย ไข่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ ควรกินเป็นบ่อยๆ เด็กควรกินวันละฟอง ผู้ใหญ่ภาวะปกติควรกินวันเว้นวัน หรือสัปดาห์ละ 2-3 ฟอง ส่วนคนที่มีปัญหาภาวะโคเลสเตอรอลสูงในเลือดควรลดปริมาณลง
ข้อ5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย (สไปเลนด์)
บางคนอาจมองเห็นว่าน้ำนมเป็นอาหารของต่างชาติ ไม่ควรส่งเสริมการบริโภค น่าจะให้คนไทยไปบริโภคอาหารอย่างอื่นจะดีกว่า อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาโดยรวม จะเห็นได้ว่าน้ำนมเป็นอาหารที่มีประโยชน์สมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารของโปรตีน แคลเซียม วิตามินบี 2 และแร่ธาตุต่างๆ นอกจากนี้น้ำนมเป็นอาหารที่กินง่าย ราคาไม่แพงเกินไป มีหลายชนิดหาได้ทั่วไป จีงเป็นการสะดวกที่จะใช้เป็นอาหารเนื่องด้วยคนทุกวัย
ในกรณีที่ห่วงว่าคื่มนมมากๆ อาจทำให้อ้วน ผู้บริโภคสามารถเลือกดื่มนมพร่องไขมันได้ และในเวลาเดียวกันควรควบคุมปริมาณไขมันในอาหารชนิดอื่นด้วย เพราะเพียงไขมันจากน้ำนมอย่างเดียวไม่น่าที่จะทำให้เกิดโรคอ้วน
ปริมาณที่แนะนำคือ เด็กควรดื่มวันละ 1-2 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรดื่มวันละ 1 แก้ว
ข้อ6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร (สไปเลนด์)
ถึงแม้ไขมันจะเกี่ยวข้องกับปัญหาโภชนาการ เช่น โรคอ้วน ภาวะไขมันในเลือดสูงที่นำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือดได้ แต่ร่างกายต้องการไขมันเพื่อสุขภาพด้วยเช่นกัน
เพียงแต่จะต้องควบคุมปริมาณและชนิดของไขมันที่จะบริโภคให้เหมาะสม ลดอาหารที่มีไขมันมาก เช่น หมูสามชั้น ขาหมูพะโล้
และอาหารที่ใช้น้ำมันหรือกะทิจำนวนมากในการประกอบอาหาร
ข้อ7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด (สไปเลนด์)
ส่วนประกอบสำคัญของอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด ได้แก่ น้ำตาล และเกลือแกง ซึ่งส่วนประกอบทั้ง 2 ชนิดเมื่อบริโภคมากเกินไป
พบว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูง
วิธีปฏิบัติเว้นเสียแต่การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัดและเค็มจัดแล้ว ผู้บริโภคควรพยายามรับประทานอาหารที่มีรสธรรมดา
ไม่ควรที่จะต้องเติมน้ำตาลหรือเกลือเพิ่มเติมในอาหารที่ปรุงแล้ว หรือหันมากินอาหารแบบไทยเดิม ที่มีกับข้าวหลายชนิดเพื่อให้เกิดรสชาติที่หลากหลาย
ข้อ8. กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน (สไปเลนด์)
การกินอาหารที่สะอาดนับเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยลดอันตรายจากสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ซึ่งอาจเป็นเชื้อโรค พยาธิ สารพิษ สิ่งแปลกปลอมต่างๆ ผู้บริโภคควรเลือกซื้ออาหารจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ มีการผลิตที่ถูกต้อง มีการเก็บรักษาที่เหมาะสม อาหารสำเร็จรูปควรบรรจุในภาชนะที่เหมาะสม สะอาด มีฉลากที่ถูกต้อง บอกวันหมดอายุ ส่วนประกอบ ชื่ออาหาร สถานที่ผลิต
นอกจากนี้ผู้บริโภคควรมีสุขนิสัยที่ดีในการรับประทานอาหาร เช่น การล้างมือก่อนรับประทานอาหาร การใช้ช้อนกลาง
หรือใช้อุปกรณ์หยิบจับอาหารมากกว่าการใช้มือ
ข้อ9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (สไปเลนด์)
เมื่อดื่มมาก จะมีผลทำให้การทำงานของระบบสมองและประสาทช้าลง ทำให้เกิดการขาดสติได้ง่าย ที่จะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ เสียทรัพย์ เสียสุขภาพ ก่อให้เกิดโรคตับแข็งและการขาดสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด
ดังนั้นควรลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด
ข้อแนะนำการบริโภคอาหารสำหรับคนไทยทั้ง 9 ข้อดังกล่าวข้างต้น เป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภคชาวไทยทุกคน เป็นการให้คำแนะนำในทางปฏิบัติได้แจ้งขึ้น
และมีความยืดหยุ่นในตัว ที่แต่ละคนสามารถปรับให้เหมาะสมกับตนเองได้ เพื่ออนามัยที่ดีถ้วนหน้า
15 กฎทองของการ "กิน" (สุขกายสบายใจ) (สไปเลนด์)
เพราะปัญหาอนามัยดี หรือสุขภาพอนามัยแย่ อยู่ที่ปาก ถ้ายังไม่อยากให้พฤติกรรมการกินที่ผิด ๆ มาจนเคยชิน ทำให้เรากลายเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต มะเร็ง หรือแก่ก่อนวัย นอกจากจะต้องพยายามใช้แรงภายในชีวิตประจำวันให้มากขึ้นแล้ว นี่คือ 15 กฎทองของการกินเพื่อสุขภาพ ที่ ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพ (สหรัฐอเมริกา) แนะนำให้เปลี่ยน (ไม่ว่าจะยากเพียงใดก็ตาม)
ข้อ1. คุมปริมาณอาหารที่กิน โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลอรีสูงจากไขมัน น้ำตาล กินในปริมาณน้อย ๆ อย่ากินจนอิ่มแปล้ เพราะนั่นหมายถึงคุณกำลังสะสมพลังงานส่วนเกินให้กับตัวเอง
ข้อ 2. เลือกกินอาหารให้หลากหลายชนิด อาหารแต่ละชนิดมีสารอาหารต่างกันหรือถ้ามีสารอาหารเหมือนกันก็จะมีปริมาณต่างกัน ฉะนั้นการกินให้หลากหลายชนิดไม่เลือกที่รักมักที่ชัง จะทำให้เราได้สารอาหารหลากหลายอย่างทั่วถึง เหนืออื่นใดการเลือกกินอาหารให้หลากหลายชนิด ยังเป็นวิธีการลดสารพิษต่าง ๆ ที่ร่างกายจะได้รับ เช่น จากยาฆ่าแมลงที่ใช้ในการปลูกผักซึ่งอาจจะสะสมไว้มากในพืชผักบางชนิดด้วย
ข้อ3. เน้นอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ถั่วและธัญพืช ไม่ขัดสี ซึ่งจัดเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ดี มีสารอาหารสูงแต่พลังงานต่ำ เราควรกินใยอาหารให้ได้วันละ 20-25 กรัม จะช่วยให้อาหารคาร์โบไฮเดรตถูกดูดซึมช้าลง ร่างกายใช้อินซูลินน้อยลงอย่างมีความสามารถ เป็นการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น อาหารที่มีกากใยสูงมักจะมีวิตามินและแร่ธาตุสำคัญสูง รวมทั้งสารพฤกษเคมีซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยต้านวัยต้านโรคเช่นกัน
อาหารเพื่อสุขภาพ (สไปเลนด์)
ข้อ4. กินผักผลไม้วันละ 8-9 ส่วน (ผัก = 2-2 ½ ถ้วยตวง หรือ 4-5 อุ้งมือผู้หญิงนะ และผลไม้ 1 ½ -2 ถ้วยตวง หรือ 3-4 อุ้งมือ) พยายามเลือกกินผักหลายสีคละกัน สำหรับผลไม้ เลือกผลไม้สดแทนน้ำผลไม้ซึ่งไม่มีใยอาหารหรือมีน้อยมาก (สไปเลนด์)
ข้อ5. เลือกธัญพืชไม่ขัดสีทุกครั้งที่มีโอกาส โดยปกติครึ่งหนึ่งของข้าวแป้งที่ควรกินในชีวิตประจำวันควรเป็นธัญพืชไม่ขัดสี เช่น หากในหนึ่งวันคุณกินข้าวทั้งหมด 8 ทัพพี ครึ่งหนึ่งควรเป็นข้าวซ้อมมือ หรือขนมปังโฮลวีตหรือธัญพืชต่าง ๆ โดยแลกเปลี่ยนปริมาณดังนี้ ขนมปัง 1 แผ่น = ข้าวซ้อมมือสุก หรือข้าวโอ๊ต หรือข้าวโพดต้ม หรือเผือก หรือมัน หรือฟักทอง หรือลูกเดือย หรือเส้นต่าง ๆ ½ ถ้วยตวง (1 อุ้งมือผู้หญิง) (สไปเลนด์)
ข้อ6. จำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตขัดสี เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว เส้นต่าง ๆ และขนมของว่าง อาหารเหล่านี้มีใยอาหารน้อยมาก นอกจานี้จำกัดอาหารที่มีน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานว่างเปล่า แต่ขาดสารอาหารที่ดี วิตามิน แร่ธาตุ และกากใยอาหาร แต่กลับช่วยเพิ่มน้ำหนักเพิ่มโรคได้ดี อาหารที่มีน้ำตาลส่วนใหญ่มักจะมีไขมันสูงและพลังงานหรือแคลอรีสูง (สไปเลนด์)
ข้อ7. เลือกกินไขมันดี ซึ่งมีมากในปลาทะเล ถั่วเปลือกแข็ง อะโวคาโดและน้ำมันพืช ขณะเดียวกันก็ควรลดไขมันไม่ดีหรืออาหารที่ไม่มีประโยชน์ มิฉะนั้นจะทำให้ได้พลังงานเกิน ใช้น้ำมันพืชที่มีไขมันอิ่มตัวน้อยที่สุดแทนเนยหรือไขมันสัตว์ ซึ่งต้องหัดอ่านฉลากอาหารเวลาซื้อน้ำมัน กินปลาทะเลสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ปลาทะเลเป็นแหล่งที่ดีของกรดโอเมก้า 3 ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม (สไปเลนด์)
ข้อ8. เลี่ยงไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีมากในเนื้อสัตว์ติดมันโดยเฉพาะสัตว์บก เช่น วัว หมู ไก่ เวลากินอาหารพวกนี้ ควรเลือกเนื้อล้วนเลาะไขมันทิ้งให้หมด เลี่ยงอาหารที่มองแล้วเห็นมันเยิ้มซึ่งจะไปสะสมที่พุง (สไปเลนด์)
อาหารเพื่อสุขภาพ(สไปเลนด์)
ข้อ9. จำกัดหรือเลี่ยงไขมันทรานซ์ ซึ่งเป็นไขมันแปรรูปจากน้ำมันพืช มีมากในเนยเทียม หรือมาการีน เนยขาว เบเกอรีประเภทเค้ก คุกกี้ แครกเกอร์ เพสทรี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่อร่อยปาก กินได้แต่ต้องกินน้อย ๆ นาน ๆ กินที (สไปเลนด์)
ข้อ10. จำกัดอาหารคอเลสเตอรอลไม่เกิน 300 มก./วัน แต่ผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น มีความดันโลหิตสูงหรือคอเลสเตอรอลสูง หรือในผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่แล้วหรือเบาหวานควรลดปริมาณอาหารคอเลสเตอรอลไม่เกินวันละ 200 ม.ก. นอกจากนี้ต้องไม่ลืมว่าไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานซ์มีผลในการเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือดมากกว่าอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงได้แก่ เนื้อสัตว์ติดมัน หนังติดมันสัตว์ปีก ผลิตภัณฑ์นมไขมันเต็มและไข่แดง (วันเว้นวัน วันละฟอง ถ้าไขมันในเลือดไม่สูง และไม่มีเบาหวาน กินไข่ได้วันละฟอง) (สไปเลนด์)
ข้อ11. จำกัดอาหารที่มีโซเดียมสูง หรือเกลือสูงและเพิ่มอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงโซเดียมมีผลในการเพิ่มความดันโลหิตในคนส่วนใหญ่และมีผลต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ ข้อแนะนำในการบริโภคโซเดียมคือ วันละไม่เกิน 2,300 มก. (น้อยกว่าเกลือ 1 ช้อนชา) และสำหรับผู้ที่อายุ 51 ปีขึ้นไป คนที่มีความดันโลหิตสูงเป็นทุนเดิม เบาหวานและโรคไตเรื้อรัง ควรจำกัดโซเดียมไม่เกิน 1,500 มก. (เกลือ 2/3 ช้อนชา) เครื่องปรุงรสเค็มต่าง ๆ รวมทั้งอาหารหมักดองล้วนแต่มีโซเดียมสูง ควรอ่านฉลากอาหารเช่นกัน ในขณะเดียวกันก็ควรเพิ่มอาหารโพแทสเซียมสูงที่มีมากในผักผลไม้ เช่น ส้ม กล้วย มันฝรั่ง ถั่ว เป็นต้น (สไปเลนด์)
ข้อ12. บริโภคแคลเซียมและวิตามินดีให้เพียงพอ เพื่ออนามัยของกระดูกและฟันและสุขภาพอนามัยด้านอื่น ๆ สำหรับวิตามินดี อาจจะไม่ง่ายนักหากจะกินจากอาหารให้พอหรือจะรับจากแสงแดดก็อาจจะค่อนข้างเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังและอาจจะได้ไม่สม่ำเสมอจากแสงแดด ฉะนั้นคนส่วนใหญ่หรือผู้ที่อายุ 60 ปี อาศัยอยู่ในละติจูดทางเหนือ คนผิวคล้ำอาจจะต้องเพิ่มวิตามินดี (สไปเลนด์)
ข้อ13. กินวิตามินจากากอาหารแทนที่จะกินจากเม็ดยา วิตามินกินแทนอาหารธรรมชาติที่ดีไม่ได้เพราะอาหารจะให้มากกว่าวิตามินและแร่ธาตุ อาหารจะให้พลังงานและวิตามินแร่ธาตุ ใยอาหาร สารต้านมะเร็ง แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ วิตามินแร่ธาตุรวมจะช่วยเติมสารอาหารที่พร่องไปได้ วิตามินและแร่ธาตุที่ควรพิจารณาเสริมคือแคลเซียมและวิตามินดี ปรึกษาแพทย์ นักกำหนดอาหาร และหมอยาก่อนเสริม (สไปเลนด์)
อาหารเพื่อสุขภาพ(สไปเลนด์)
ข้อ14. ระวังเครื่องดื่มที่มีแคลอรี ปัจจุบันในชีวิตประจำวัน คนเราได้รับพลังงานจากเครื่องดื่มมากกว่า 20% ของพลังงานที่ควรได้ทั้งวัน เครื่องดื่มที่ให้พลังงานบางชนิดอาจจะเป็นเครื่องดื่มที่ดี เช่น นมพร่องไขมันหรือนมขาดไขมันและน้ำผลไม้ 100% ซึ่งต้องจำกัดปริมาณการดื่ม แต่เครื่องดื่มที่คนเรามักจะดื่มกันในชีวิตประจำวันคือ น้ำอัดลม น้ำหวานและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งให้พลังงานที่ฟุ่มเฟือยแก่ร่างกายโดยไม่ให้สารอาหารที่จำเป็น ทำให้คนในยุคนี้มีปัญหาน้ำหนักตัวง่ายขึ้น (สไปเลนด์)
ข้อ15. ถ้าดื่มแอลกอฮอล์จงดื่มแต่พอควร ก็คือ วันละ 1 ดริ๊งสำหรับผู้หญิง และไม่เกิน 2 ดริ๊งสำหรับผู้ชาย แอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อยให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ถ้ามากไปจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ ผู้ที่ไม่ดื่มอยู่แล้วก็ไม่ต้องริดื่ม ผู้ที่ไม่ควรแตะเลยได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ ผู้ที่ใช้ยาบางชนิด และผู้ที่จะต้องขับขี่ยานพาหนะในชีวิตประจำวัน (สไปเลนด์)
ไม่มีคำว่าสายเกินไปหากจะเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียแต่วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารหรือการบริหารร่างกาย เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีตลอดไป เพราะสุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องกินให้เป็น
ข้อ1. กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว (สไปเลนด์ (http://astaxanthin-spirulina-cellfood.lnwshop.com/))
คำเสนอแนะนี้เป็นข้อแนะนำหลัก ยึดอาหารหลัก 5 หมู่ และเพิ่มความสำคัญของการกินอาหารแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด น้ำหนักตัวเป็นเครื่องชี้ให้เห็นอย่างง่ายถึงภาวะสุขภาพ ในผู้ใหญ่ที่กินอาหารได้เหมาะสม จะมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม มีรูปร่างที่ไม่อ้วนหรือผอมเกินไปและมีน้ำหนักตัวค่อนข้างคงที่ หากสังเกตเห็นว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากน้ำหนักปกติ แสดงให้เห็นว่าเริ่มกินอาหารมากเกินไปแล้ว จำต้องจะต้องหันมาควบคุมลดปริมาณให้น้อยลง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เสื้อผ้าคับก่อนที่เริ่มรู้สึกตัวเพราะเสื้อผ้าสมัยใหม่มักนิยมใช้สายยืดเพื่อให้สวมใส่สบาย
หรือหากพบว่าน้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆ ก็ควรต้องให้ความสนใจพร้อมทั้งสังเกตว่ามีการอ่อนเพลีย ง่วง ซึม หรืออาการที่แตกต่างไปจากปกติเกิดขึ้นด้วยหรือไม่ ถ้ามีอาการมากควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ สำหรับเด็ก ร่างกายมีการเจริญเติบโต น้ำหนักตัวควรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราที่เหมาะสม ดังนั้น ควรหมั่นชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้ง
ข้อ2. กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ (สไปเลนด์)
เพื่อเป็นการรักษาเอกลักษณ์ของคนไทย จึงให้ความสำคัญกับการกินข้าวเป็นอาหารหลัก ถ้าเป็นไปได้ ควรกินข้าวซ้อมมือ เพราะมีวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีนและใยอาหารมากกว่าข้าวที่ขัดสีจนขาว
ส่วนอาหารแป้ง เช่น ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ให้กินเป็นบางมื้อ อาหารแป้งเป็นอาหารที่ผ่าน-การแปรรูป ใยอาหารจะมีน้อยกว่าในข้าว
ข้อ3. กินพืชผักให้มาก และกินผลไม้เป็นประจำ (สไปเลนด์)
อาหารหลัก 5 หมู่ ของไทยมีเอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การจัดแยกพืชผัก และผลไม้เป็นอาหารหลักคนละหมู่
เนื่องจากประเทศไทยมีพืชผักและผลไม้อุดมสมบูรณ์ที่ผู้บริโภคสามารถเลือกบริโภคได้ตลอดปี
พืชผักและผลไม้ให้สารอาหารที่สำคัญหลายชนิด คือ วิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยอาหาร และให้สารอื่นที่มิใช่สารอาหาร เช่น
สารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์ ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูสดใส ไม่แก่เกินวัย นอกจากนี้ยังให้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพรที่ช่วยรักษาสุขภาพอนามัย
ข้อ4. กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ (สไปเลนด์)
เป็นการกินอาหารที่ให้โปรตีน โดยมุ่งเน้นปลาและอาหารประเภทถั่วเมล็ดแห้ง เช่น เต้าหู้ชนิดต่างๆ สำหรับเนื้อสัตว์ให้เลือกที่ไม่ติดมัน หรือที่มีมันน้อย ไข่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ ควรกินเป็นบ่อยๆ เด็กควรกินวันละฟอง ผู้ใหญ่ภาวะปกติควรกินวันเว้นวัน หรือสัปดาห์ละ 2-3 ฟอง ส่วนคนที่มีปัญหาภาวะโคเลสเตอรอลสูงในเลือดควรลดปริมาณลง
ข้อ5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย (สไปเลนด์)
บางคนอาจมองเห็นว่าน้ำนมเป็นอาหารของต่างชาติ ไม่ควรส่งเสริมการบริโภค น่าจะให้คนไทยไปบริโภคอาหารอย่างอื่นจะดีกว่า อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาโดยรวม จะเห็นได้ว่าน้ำนมเป็นอาหารที่มีประโยชน์สมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารของโปรตีน แคลเซียม วิตามินบี 2 และแร่ธาตุต่างๆ นอกจากนี้น้ำนมเป็นอาหารที่กินง่าย ราคาไม่แพงเกินไป มีหลายชนิดหาได้ทั่วไป จีงเป็นการสะดวกที่จะใช้เป็นอาหารเนื่องด้วยคนทุกวัย
ในกรณีที่ห่วงว่าคื่มนมมากๆ อาจทำให้อ้วน ผู้บริโภคสามารถเลือกดื่มนมพร่องไขมันได้ และในเวลาเดียวกันควรควบคุมปริมาณไขมันในอาหารชนิดอื่นด้วย เพราะเพียงไขมันจากน้ำนมอย่างเดียวไม่น่าที่จะทำให้เกิดโรคอ้วน
ปริมาณที่แนะนำคือ เด็กควรดื่มวันละ 1-2 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรดื่มวันละ 1 แก้ว
ข้อ6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร (สไปเลนด์)
ถึงแม้ไขมันจะเกี่ยวข้องกับปัญหาโภชนาการ เช่น โรคอ้วน ภาวะไขมันในเลือดสูงที่นำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือดได้ แต่ร่างกายต้องการไขมันเพื่อสุขภาพด้วยเช่นกัน
เพียงแต่จะต้องควบคุมปริมาณและชนิดของไขมันที่จะบริโภคให้เหมาะสม ลดอาหารที่มีไขมันมาก เช่น หมูสามชั้น ขาหมูพะโล้
และอาหารที่ใช้น้ำมันหรือกะทิจำนวนมากในการประกอบอาหาร
ข้อ7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด (สไปเลนด์)
ส่วนประกอบสำคัญของอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด ได้แก่ น้ำตาล และเกลือแกง ซึ่งส่วนประกอบทั้ง 2 ชนิดเมื่อบริโภคมากเกินไป
พบว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูง
วิธีปฏิบัติเว้นเสียแต่การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัดและเค็มจัดแล้ว ผู้บริโภคควรพยายามรับประทานอาหารที่มีรสธรรมดา
ไม่ควรที่จะต้องเติมน้ำตาลหรือเกลือเพิ่มเติมในอาหารที่ปรุงแล้ว หรือหันมากินอาหารแบบไทยเดิม ที่มีกับข้าวหลายชนิดเพื่อให้เกิดรสชาติที่หลากหลาย
ข้อ8. กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน (สไปเลนด์)
การกินอาหารที่สะอาดนับเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยลดอันตรายจากสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ซึ่งอาจเป็นเชื้อโรค พยาธิ สารพิษ สิ่งแปลกปลอมต่างๆ ผู้บริโภคควรเลือกซื้ออาหารจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ มีการผลิตที่ถูกต้อง มีการเก็บรักษาที่เหมาะสม อาหารสำเร็จรูปควรบรรจุในภาชนะที่เหมาะสม สะอาด มีฉลากที่ถูกต้อง บอกวันหมดอายุ ส่วนประกอบ ชื่ออาหาร สถานที่ผลิต
นอกจากนี้ผู้บริโภคควรมีสุขนิสัยที่ดีในการรับประทานอาหาร เช่น การล้างมือก่อนรับประทานอาหาร การใช้ช้อนกลาง
หรือใช้อุปกรณ์หยิบจับอาหารมากกว่าการใช้มือ
ข้อ9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (สไปเลนด์)
เมื่อดื่มมาก จะมีผลทำให้การทำงานของระบบสมองและประสาทช้าลง ทำให้เกิดการขาดสติได้ง่าย ที่จะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ เสียทรัพย์ เสียสุขภาพ ก่อให้เกิดโรคตับแข็งและการขาดสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด
ดังนั้นควรลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด
ข้อแนะนำการบริโภคอาหารสำหรับคนไทยทั้ง 9 ข้อดังกล่าวข้างต้น เป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภคชาวไทยทุกคน เป็นการให้คำแนะนำในทางปฏิบัติได้แจ้งขึ้น
และมีความยืดหยุ่นในตัว ที่แต่ละคนสามารถปรับให้เหมาะสมกับตนเองได้ เพื่ออนามัยที่ดีถ้วนหน้า
15 กฎทองของการ "กิน" (สุขกายสบายใจ) (สไปเลนด์)
เพราะปัญหาอนามัยดี หรือสุขภาพอนามัยแย่ อยู่ที่ปาก ถ้ายังไม่อยากให้พฤติกรรมการกินที่ผิด ๆ มาจนเคยชิน ทำให้เรากลายเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต มะเร็ง หรือแก่ก่อนวัย นอกจากจะต้องพยายามใช้แรงภายในชีวิตประจำวันให้มากขึ้นแล้ว นี่คือ 15 กฎทองของการกินเพื่อสุขภาพ ที่ ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพ (สหรัฐอเมริกา) แนะนำให้เปลี่ยน (ไม่ว่าจะยากเพียงใดก็ตาม)
ข้อ1. คุมปริมาณอาหารที่กิน โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลอรีสูงจากไขมัน น้ำตาล กินในปริมาณน้อย ๆ อย่ากินจนอิ่มแปล้ เพราะนั่นหมายถึงคุณกำลังสะสมพลังงานส่วนเกินให้กับตัวเอง
ข้อ 2. เลือกกินอาหารให้หลากหลายชนิด อาหารแต่ละชนิดมีสารอาหารต่างกันหรือถ้ามีสารอาหารเหมือนกันก็จะมีปริมาณต่างกัน ฉะนั้นการกินให้หลากหลายชนิดไม่เลือกที่รักมักที่ชัง จะทำให้เราได้สารอาหารหลากหลายอย่างทั่วถึง เหนืออื่นใดการเลือกกินอาหารให้หลากหลายชนิด ยังเป็นวิธีการลดสารพิษต่าง ๆ ที่ร่างกายจะได้รับ เช่น จากยาฆ่าแมลงที่ใช้ในการปลูกผักซึ่งอาจจะสะสมไว้มากในพืชผักบางชนิดด้วย
ข้อ3. เน้นอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ถั่วและธัญพืช ไม่ขัดสี ซึ่งจัดเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ดี มีสารอาหารสูงแต่พลังงานต่ำ เราควรกินใยอาหารให้ได้วันละ 20-25 กรัม จะช่วยให้อาหารคาร์โบไฮเดรตถูกดูดซึมช้าลง ร่างกายใช้อินซูลินน้อยลงอย่างมีความสามารถ เป็นการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น อาหารที่มีกากใยสูงมักจะมีวิตามินและแร่ธาตุสำคัญสูง รวมทั้งสารพฤกษเคมีซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยต้านวัยต้านโรคเช่นกัน
อาหารเพื่อสุขภาพ (สไปเลนด์)
ข้อ4. กินผักผลไม้วันละ 8-9 ส่วน (ผัก = 2-2 ½ ถ้วยตวง หรือ 4-5 อุ้งมือผู้หญิงนะ และผลไม้ 1 ½ -2 ถ้วยตวง หรือ 3-4 อุ้งมือ) พยายามเลือกกินผักหลายสีคละกัน สำหรับผลไม้ เลือกผลไม้สดแทนน้ำผลไม้ซึ่งไม่มีใยอาหารหรือมีน้อยมาก (สไปเลนด์)
ข้อ5. เลือกธัญพืชไม่ขัดสีทุกครั้งที่มีโอกาส โดยปกติครึ่งหนึ่งของข้าวแป้งที่ควรกินในชีวิตประจำวันควรเป็นธัญพืชไม่ขัดสี เช่น หากในหนึ่งวันคุณกินข้าวทั้งหมด 8 ทัพพี ครึ่งหนึ่งควรเป็นข้าวซ้อมมือ หรือขนมปังโฮลวีตหรือธัญพืชต่าง ๆ โดยแลกเปลี่ยนปริมาณดังนี้ ขนมปัง 1 แผ่น = ข้าวซ้อมมือสุก หรือข้าวโอ๊ต หรือข้าวโพดต้ม หรือเผือก หรือมัน หรือฟักทอง หรือลูกเดือย หรือเส้นต่าง ๆ ½ ถ้วยตวง (1 อุ้งมือผู้หญิง) (สไปเลนด์)
ข้อ6. จำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตขัดสี เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว เส้นต่าง ๆ และขนมของว่าง อาหารเหล่านี้มีใยอาหารน้อยมาก นอกจานี้จำกัดอาหารที่มีน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานว่างเปล่า แต่ขาดสารอาหารที่ดี วิตามิน แร่ธาตุ และกากใยอาหาร แต่กลับช่วยเพิ่มน้ำหนักเพิ่มโรคได้ดี อาหารที่มีน้ำตาลส่วนใหญ่มักจะมีไขมันสูงและพลังงานหรือแคลอรีสูง (สไปเลนด์)
ข้อ7. เลือกกินไขมันดี ซึ่งมีมากในปลาทะเล ถั่วเปลือกแข็ง อะโวคาโดและน้ำมันพืช ขณะเดียวกันก็ควรลดไขมันไม่ดีหรืออาหารที่ไม่มีประโยชน์ มิฉะนั้นจะทำให้ได้พลังงานเกิน ใช้น้ำมันพืชที่มีไขมันอิ่มตัวน้อยที่สุดแทนเนยหรือไขมันสัตว์ ซึ่งต้องหัดอ่านฉลากอาหารเวลาซื้อน้ำมัน กินปลาทะเลสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ปลาทะเลเป็นแหล่งที่ดีของกรดโอเมก้า 3 ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม (สไปเลนด์)
ข้อ8. เลี่ยงไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีมากในเนื้อสัตว์ติดมันโดยเฉพาะสัตว์บก เช่น วัว หมู ไก่ เวลากินอาหารพวกนี้ ควรเลือกเนื้อล้วนเลาะไขมันทิ้งให้หมด เลี่ยงอาหารที่มองแล้วเห็นมันเยิ้มซึ่งจะไปสะสมที่พุง (สไปเลนด์)
อาหารเพื่อสุขภาพ(สไปเลนด์)
ข้อ9. จำกัดหรือเลี่ยงไขมันทรานซ์ ซึ่งเป็นไขมันแปรรูปจากน้ำมันพืช มีมากในเนยเทียม หรือมาการีน เนยขาว เบเกอรีประเภทเค้ก คุกกี้ แครกเกอร์ เพสทรี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่อร่อยปาก กินได้แต่ต้องกินน้อย ๆ นาน ๆ กินที (สไปเลนด์)
ข้อ10. จำกัดอาหารคอเลสเตอรอลไม่เกิน 300 มก./วัน แต่ผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น มีความดันโลหิตสูงหรือคอเลสเตอรอลสูง หรือในผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่แล้วหรือเบาหวานควรลดปริมาณอาหารคอเลสเตอรอลไม่เกินวันละ 200 ม.ก. นอกจากนี้ต้องไม่ลืมว่าไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานซ์มีผลในการเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือดมากกว่าอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงได้แก่ เนื้อสัตว์ติดมัน หนังติดมันสัตว์ปีก ผลิตภัณฑ์นมไขมันเต็มและไข่แดง (วันเว้นวัน วันละฟอง ถ้าไขมันในเลือดไม่สูง และไม่มีเบาหวาน กินไข่ได้วันละฟอง) (สไปเลนด์)
ข้อ11. จำกัดอาหารที่มีโซเดียมสูง หรือเกลือสูงและเพิ่มอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงโซเดียมมีผลในการเพิ่มความดันโลหิตในคนส่วนใหญ่และมีผลต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ ข้อแนะนำในการบริโภคโซเดียมคือ วันละไม่เกิน 2,300 มก. (น้อยกว่าเกลือ 1 ช้อนชา) และสำหรับผู้ที่อายุ 51 ปีขึ้นไป คนที่มีความดันโลหิตสูงเป็นทุนเดิม เบาหวานและโรคไตเรื้อรัง ควรจำกัดโซเดียมไม่เกิน 1,500 มก. (เกลือ 2/3 ช้อนชา) เครื่องปรุงรสเค็มต่าง ๆ รวมทั้งอาหารหมักดองล้วนแต่มีโซเดียมสูง ควรอ่านฉลากอาหารเช่นกัน ในขณะเดียวกันก็ควรเพิ่มอาหารโพแทสเซียมสูงที่มีมากในผักผลไม้ เช่น ส้ม กล้วย มันฝรั่ง ถั่ว เป็นต้น (สไปเลนด์)
ข้อ12. บริโภคแคลเซียมและวิตามินดีให้เพียงพอ เพื่ออนามัยของกระดูกและฟันและสุขภาพอนามัยด้านอื่น ๆ สำหรับวิตามินดี อาจจะไม่ง่ายนักหากจะกินจากอาหารให้พอหรือจะรับจากแสงแดดก็อาจจะค่อนข้างเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังและอาจจะได้ไม่สม่ำเสมอจากแสงแดด ฉะนั้นคนส่วนใหญ่หรือผู้ที่อายุ 60 ปี อาศัยอยู่ในละติจูดทางเหนือ คนผิวคล้ำอาจจะต้องเพิ่มวิตามินดี (สไปเลนด์)
ข้อ13. กินวิตามินจากากอาหารแทนที่จะกินจากเม็ดยา วิตามินกินแทนอาหารธรรมชาติที่ดีไม่ได้เพราะอาหารจะให้มากกว่าวิตามินและแร่ธาตุ อาหารจะให้พลังงานและวิตามินแร่ธาตุ ใยอาหาร สารต้านมะเร็ง แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ วิตามินแร่ธาตุรวมจะช่วยเติมสารอาหารที่พร่องไปได้ วิตามินและแร่ธาตุที่ควรพิจารณาเสริมคือแคลเซียมและวิตามินดี ปรึกษาแพทย์ นักกำหนดอาหาร และหมอยาก่อนเสริม (สไปเลนด์)
อาหารเพื่อสุขภาพ(สไปเลนด์)
ข้อ14. ระวังเครื่องดื่มที่มีแคลอรี ปัจจุบันในชีวิตประจำวัน คนเราได้รับพลังงานจากเครื่องดื่มมากกว่า 20% ของพลังงานที่ควรได้ทั้งวัน เครื่องดื่มที่ให้พลังงานบางชนิดอาจจะเป็นเครื่องดื่มที่ดี เช่น นมพร่องไขมันหรือนมขาดไขมันและน้ำผลไม้ 100% ซึ่งต้องจำกัดปริมาณการดื่ม แต่เครื่องดื่มที่คนเรามักจะดื่มกันในชีวิตประจำวันคือ น้ำอัดลม น้ำหวานและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งให้พลังงานที่ฟุ่มเฟือยแก่ร่างกายโดยไม่ให้สารอาหารที่จำเป็น ทำให้คนในยุคนี้มีปัญหาน้ำหนักตัวง่ายขึ้น (สไปเลนด์)
ข้อ15. ถ้าดื่มแอลกอฮอล์จงดื่มแต่พอควร ก็คือ วันละ 1 ดริ๊งสำหรับผู้หญิง และไม่เกิน 2 ดริ๊งสำหรับผู้ชาย แอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อยให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ถ้ามากไปจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ ผู้ที่ไม่ดื่มอยู่แล้วก็ไม่ต้องริดื่ม ผู้ที่ไม่ควรแตะเลยได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ ผู้ที่ใช้ยาบางชนิด และผู้ที่จะต้องขับขี่ยานพาหนะในชีวิตประจำวัน (สไปเลนด์)
ไม่มีคำว่าสายเกินไปหากจะเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียแต่วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารหรือการบริหารร่างกาย เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีตลอดไป เพราะสุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องกินให้เป็น