PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : karmeทำให้มีผิวขาวแป๋วแหววอย่างธรรมชาติได้อย่างไร



boyiseo2521
June 19th, 2015, 11:06
ผู้หญิงหลายคนมีปัญหาการใช้ครีมบำรุงkarmeเพื่อทำให้ผิวขาวหมดกันเป็นกระปุ๊ก ๆ แต่ก็ไม่เห็นผิวขาวซักทีทำไมถึงยังไม่ตายเช่นนั้น ผู้หญิงหลาย ๆ คนทีทาครีมเพื่อทำให้ผิวขาว กลับลืมที่จะป้องกันตัวการสำคัญที่จะทำให้ผิวดำ นั้นก็คือ "รังสียูวี" ซึ่งรังสียูวีนั้นเป็นส่วนสำคัญที่จัดทำให้ผู้หญิงหลาย ๆ คนมีผิวที่ไม่ขาวซักที แม้จะทาครีมบำรุงครีมkarmeผิวนานแล้วก็ตาม การที่ผิวของเราได้รับรังสียูวีอย่างต่อเนื่องโดยขาดการพิทักษ์ย่อมก่อให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวที่หมองคล้ำ ซึ่งผู้หญิงเราส่วนใหญ่มักมองข้ามสิ่งเหล่านี้
รังสียูวีที่มีผลต่อผิวของเรา
รังสียูวีเอ (UVA) เป็นรังสียูวีเอเป็นรังสีที่มีคลื่นความยาวที่เป็นได้ทะลุผิวหนังที่ลึกถึงเซลล์ผิวชั้นล่างได้ และทำให้คอลลาเจนที่อยู่ในผิวของเราชั่วสภาพได้ง่ายแม้ว่าจะทาครีมkarmeเป็นประจำแต่ตัวครีมไม่มีสารกันแดด  ดังนั้นรังสียูวีบี (UVB) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวทีส่งผลต่อผิวของเราโดย รังสียูวีบี สาเหตุส่วนใหญ่ก่อกำเนิดจากแดดเผาแต่สามารถทะลุผ่านได้เพียงชั้นบนของผิวหนังส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื่นสามารถป้องกันได้หากใช้ครีมกันแดดkarmeเป็นประจำ  หากให้ความเป็นไทให้รังสียูวีตกกระทบสู่ผิวหนังจะทำให้เกิดมีการสะสมสู่เซลล์ผิวและก่อให้เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ ผิวไม่งาม ไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ แม้รังสี ยูวี เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ก็สามารถป้องกันได้
นอนหลับให้เพียงพออีกทำนองทำให้ผิวสวยใส
    ร่างกายของคนเรานั้นมีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเราเองอยู่รวมกับสารอาหารผิวจากครีมkarme ซึ่งช่วงเวลาการนอนหลับเป็นช่วงที่ดีที่สุดที่ร่างกายของเราจะทำการปฏิรูป
ระบบของร่างกาย การนอนหลับสนิทในช่วงเวลา 5 ทุ่ม ถึงตี 1 นั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ทำให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองและเราสมควรนอนหลับสนิทเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6-8 ชม. อีกหนึ่งเคล็ดลับที่จะทำให้การนอนของคุณเกิดประโยชน์สูงสุดรวมความว่า ก่อนช่วงเวลาซัก 1 - 2 ชม. ให้คุณหาผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น กล้วย อินทผลัมหรือโยเกิร์ตก็ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีส่วนผสมของกรดอะมิโนโทรปีนซึ่งปะปนอยู่ในครีมkarme เช่นกัน ซึ่งมีผลทำให้สมองหลั่งสารเซโรโทนินที่ทำให้จิตใจสงบและทำให้หลับสนิทบริหารให้ร่างกายของเราสามารถซ่อมแซมผิวและดูดซับสารบำรุงต่าง ๆ จากครีมที่ใช้ได้อย่างเต็มทีอีกด้วยค่ะ
ออกกำลังกาย ลดความเครียดอีกวิธีทำให้ผิวขาวเร็วทันใจขึ้น
การออกกำลังจะทำให้ระบบโลหิตของเราทำงานได้ดีเทียบเท่าการทาครีมkarmeและยังโปรดเป็นตัวเร่งในการผลัดเซลล์ผิวทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกไปและเผยเซลล์ผิวใหม่ที่ขาวสดใสเปล่งปลั่งขึ้นมา และการออกกำลังกายยังเป็นตัวร่านการสร้างเซลล์ผิวอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอสังเกตได้จากคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำมักแลดูอ่อนวัยและผิวกระจ่างใสกว่าคนที่ไม่ได้อ่อนกำลังกายเป็นประจำแต่ลงคะแนนเสียงใช้ครีมkarmeเพียงอย่างเดียว ช่วงเวลาในการออกกำลังกายนั้นสาว ๆ ไม่ควรทามอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมอื่ม ๆ รวมทั้งการแต่งหน้าด้วย เพราะจะเป็นการปิดกั้นรูขุมขนจนอาจหาญจะทำให้ผิวไม่สามารถขับเหงื่อได้อันจะทำให้ผิวของเรามีสารตกข้างและอาจจะทำให้เกิดสิวได้นะค่ะ
ขัดผิวอีกหนึ่งวิธีที่ไม่ควรมองข้ามถ้าคุณเรียกร้องผิวขาวสวยใสกิ๊ก
เรื่องจริงที่ผู้หญิงของเราควรรู้นั้นก็คือ ร่างกายของเรานั้นมีเซลล์ที่เกิดและตายเป็นประจำซึ่งเซลล์ผิวที่ตายแล้วแต่บางทีก็ไม่ได้หลุดลอกออกไปทำให้เกิดการบดบังทับถม ทำให้ผิวใหม่ที่ขาวกระจ่างใสของเราไม่อาจเผยให้เห็นได้ ดังนั้นการกระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวจึงเป็นอีกวิธีที่เราควรทำซึ่งเราสามารถทำได้มากมายวิธีเช่นการทาครีมkarme และการขัดผิวก็เป็นหนึ่งในนั้น  karme (http://beautyver.com)
เสพอาหาร ผัก ผลไม้ บำรุงผิวขาวจากภายในเป็นวิธีทำให้ผิวขาวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม
สุดท้ายก็คงต้องกลับมาที่เรื่องเดิม ๆ นั้นก็คือเรื่องอาหารการกินนั้น เชื่อรึเปล่าว่าผู้หญิงส่วนมากมักตามใจปากกับอาหารที่ไม่มีประโยชน์และรับประทานอาหารในกลุ่มที่มีสารอาหาร สำหรับการทรงไว้ผิวพรรณน้อยลงทั้งที่จริง ๆ แล้วการกินอาหารและ ผัก ผลไม้นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและควรทำเป็นประจำมากยิ่งกว่าการทาครีมkarme สำหรับผู้หญิงคนไหนที่อยากมีผิวขาวสดใสอมชมพูควรให้ความสำคัญกับการเลือกกินอาหารให้มากขึ้น เพราะการกินอาหารที่เป็นประโยชน์อย่างเหมาะสมและพอดีนอกจากทำให้ผิวพรรณสวยแล้วยังทำให้สุขภาพร่างกายยอดเยี่ยมและห่างไกลโรคอีกด้วย สำหรับกลุ่มอาหารที่ช่วยให้มีผิวขาวและสวยสดใสได้แก่
สุดท้ายที่จะลืมไม่ได้เลยในการทำให้ผิวขาวสวยสดใสคือ "สภาพใจของตัวเอง" ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อตัวเราเองมากและสำคัญยิ่งกว่าการทาครีมkarme หรือเครื่องสำอางค์ใดๆ คุณผู้หญิงเองนอกจากจะสวยแล้วยังต้องดูแล
สภาพจิตใจของตัวเองให้สดใสและไร้กังวลให้มากที่สุด ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิ ฝึกโยคะ การรำไท้เก๊ก หรือ การพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้จิตใจของคุณผ่องใส และความรู้สึกเบิกบานใจของคุณจะเป็นตัวผลักดันกระบวนการทำงานของร่างกายคุณเองให้ทำงานอย่างทรงประสิทธิภาพอย่างสูงที่สุด