seotpg187
August 7th, 2015, 15:27
อาการปวดหลังเราอาจจะพบได้บ่อยกับบุคคลทั่วไป ซึ่งไม่เฉพาะแต่กับผู้ที่กำลังเข้าสู่วัยสูงอายุเท่านั้น ในสมัยนี้เราสามารถ
เจออาการปวดหลังในวัยหนุ่มวัยสาว และวัยผู้ใหญ่
มากขึ้น นั่นก็เพราะเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ หรือการนั่งปฏิบัติงานที่ผิดท่าทางไม่ถูกต้อง รวมไปถึงการทำงานหนักเช่น การยกของหนัก การแบก ที่ส่งความกระทบกระเทือนโดยตรงกับแผ่นหลัง และที่ไกล้เคียงเช่นไหล่ อาการปวดหลังนี้นับเป็นอาการที่ส่งผลพวงต่อชีวิตความเป็นอยู่ประจำวันเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงควรหาที่มาที่แท้จริงเพื่อช่วยเหลือในการดูแลและทำการบำบัดได้อย่างถูกต้องทันทีทันควัน
6 ปัจจัยล่อแหลมที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง
ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้อาจมีผลให้เกิดอาการปวดหลังขึ้นมาได้ หากไม่ระแวดระวัง หรือทำการป้องกันรักษาก่อนที่จะเกิดอาการดังกล่าวซึ่งมี 6 ปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้คือ
1. เกิดจากสภาวะความตึงเครียด หรือความวิตกกังวล
2. การปฏิบัติงานที่ต้องยกของหนักเกินความสามารถ หรือยกของหนักเป็นปรกติทุกวัน
3. การปฏิบัติงานที่มีแรงสะเทือนต่าง ๆ เช่น การขุด การขับรถยนต์ หรือการขับขี่จักยานยนต์
4. มีน้ำหนักที่เกินไป หรือโรคอ้วนท้วน ซึ่งส่งผลให้กระดูกสันหลังต้องรับภาระน้ำหนักตัวมาก
5. การทำงานที่ต้องนั่งโต๊ะเป็นเวลาเป็นเวลายาวนาน ๆ เช่น งานสำนักงาน การนั่งปฏิบัติงานกับพื้นเป็นเวลายาวนาน ฯลฯ
6. ขาดการบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ หรือเป็นเสมอๆทำให้กล้ามเนื้อที่กระดูกสันหลังไม่แข็งแรง
เราจะดูแลอาการปวดหลังได้อย่างไร
สำหรับวิธีการดูแลดูแลอาการปวดหลังนั้น ก็ขึ้นอยู่กับอาการต่าง ๆ รวมไปถึงระยะเวลาที่มีอาการดังกล่าว และความบาดเจ็บของรูปร่างกระดูก เพราะผู้ป่วยแต่ละรายนั้นอาจมีต้นเหตุ และเกิดอาการที่เบี่ยงเบนกัน ระยะเวลาต่างกัน โดยวิธีในการดูแลรักษานั้นทำได้ดังต่อไปนี้แล้วแต่กรณีคือ
การรักษาแบบพยุง โดยการทำกายภาพ การกินยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด หรืออาการอักเสบลง
การบำบัดรักษาด้วยการฉีดยาลงไปเฉพาะจุด (Selection Nerve Root Block) เพื่อเป็นการช่วยหยุดยั้งอาการปวดเฉพาะที่ การบำบัดในลักษณะนี้เป็นได้ดูแลรักษาได้ทั้งกระดูกหลังและคอ
การรักษาด้วยการฉีดสารซีเมนต์เหลว (Vertebroplasty) เพื่อให้สามารถทำหน้าที่แทนกระดูก หรือป้องกันกระดูกทรุดตัวจากกระดูกพรุน
การรักษาด้วยการใช้คลื่นเสียง (Nucleoplasty) เพื่อเป็นการช่วยแก้ไขหมอนรองกระดูก โดยการปล่อยคลื่นพลังงานอย่างอ่อน ที่จะช่วยให้ของเหลวคล้ายเจลในกระดูกสันหลังเล็กลงลง ทำให้สามารถลดการกดทับเส้นประสาทได้
การดูแลรักษาด้วยการใช้บอลลูนกว้างช่องกระดูกสันหลัง (Balloon Kyphoplasty) ที่สามารถช่วยลดการโก่งงอในกระดูกสันหลังได้แล้วฉีดสารซีเมนต์เข้าไปแทนที่บอลลูน โดยให้ซีเมนต์ทำหน้าที่แทนกระดูก จะทำให้หลังตรงขึ้น
การดูแลรักษาแบบหัตถการ ซึ่งเป็นวิธีการบำบัดที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด
การบำบัดด้วยวิธีการผ่าตัด สำหรับการดูแลรักษาด้วยวิธีนี้นั้น จะทำการรักษาโดยกระบวนการบำบัดอื่น ๆ ไม่ได้ผลแล้ว หรือเฉพาะในกรณีที่ จำต้องทำการแก้โครงสร้างกระดูก
อย่างไรก็ตามข้อสงสัยของอาการปวดหลัง (http://frienddoctor.net)นั้น หากเราสามารถดูแลได้จะเป็นการ ดีที่สุด กว่าการบำบัดรักษาในภายหลัง ดังนั้นจึงควรหมั่นเอาใจใส่สุขภาพของตนเองให้ดีมีเตรียมพร้อมตลอดเวลา ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเจ็บไข้แล้วยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเพียบพร้อมเพื่อพร้อมในการดำรงชีพประจำวันอีกด้วยครับ
เจออาการปวดหลังในวัยหนุ่มวัยสาว และวัยผู้ใหญ่
มากขึ้น นั่นก็เพราะเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ หรือการนั่งปฏิบัติงานที่ผิดท่าทางไม่ถูกต้อง รวมไปถึงการทำงานหนักเช่น การยกของหนัก การแบก ที่ส่งความกระทบกระเทือนโดยตรงกับแผ่นหลัง และที่ไกล้เคียงเช่นไหล่ อาการปวดหลังนี้นับเป็นอาการที่ส่งผลพวงต่อชีวิตความเป็นอยู่ประจำวันเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงควรหาที่มาที่แท้จริงเพื่อช่วยเหลือในการดูแลและทำการบำบัดได้อย่างถูกต้องทันทีทันควัน
6 ปัจจัยล่อแหลมที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง
ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้อาจมีผลให้เกิดอาการปวดหลังขึ้นมาได้ หากไม่ระแวดระวัง หรือทำการป้องกันรักษาก่อนที่จะเกิดอาการดังกล่าวซึ่งมี 6 ปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้คือ
1. เกิดจากสภาวะความตึงเครียด หรือความวิตกกังวล
2. การปฏิบัติงานที่ต้องยกของหนักเกินความสามารถ หรือยกของหนักเป็นปรกติทุกวัน
3. การปฏิบัติงานที่มีแรงสะเทือนต่าง ๆ เช่น การขุด การขับรถยนต์ หรือการขับขี่จักยานยนต์
4. มีน้ำหนักที่เกินไป หรือโรคอ้วนท้วน ซึ่งส่งผลให้กระดูกสันหลังต้องรับภาระน้ำหนักตัวมาก
5. การทำงานที่ต้องนั่งโต๊ะเป็นเวลาเป็นเวลายาวนาน ๆ เช่น งานสำนักงาน การนั่งปฏิบัติงานกับพื้นเป็นเวลายาวนาน ฯลฯ
6. ขาดการบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ หรือเป็นเสมอๆทำให้กล้ามเนื้อที่กระดูกสันหลังไม่แข็งแรง
เราจะดูแลอาการปวดหลังได้อย่างไร
สำหรับวิธีการดูแลดูแลอาการปวดหลังนั้น ก็ขึ้นอยู่กับอาการต่าง ๆ รวมไปถึงระยะเวลาที่มีอาการดังกล่าว และความบาดเจ็บของรูปร่างกระดูก เพราะผู้ป่วยแต่ละรายนั้นอาจมีต้นเหตุ และเกิดอาการที่เบี่ยงเบนกัน ระยะเวลาต่างกัน โดยวิธีในการดูแลรักษานั้นทำได้ดังต่อไปนี้แล้วแต่กรณีคือ
การรักษาแบบพยุง โดยการทำกายภาพ การกินยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด หรืออาการอักเสบลง
การบำบัดรักษาด้วยการฉีดยาลงไปเฉพาะจุด (Selection Nerve Root Block) เพื่อเป็นการช่วยหยุดยั้งอาการปวดเฉพาะที่ การบำบัดในลักษณะนี้เป็นได้ดูแลรักษาได้ทั้งกระดูกหลังและคอ
การรักษาด้วยการฉีดสารซีเมนต์เหลว (Vertebroplasty) เพื่อให้สามารถทำหน้าที่แทนกระดูก หรือป้องกันกระดูกทรุดตัวจากกระดูกพรุน
การรักษาด้วยการใช้คลื่นเสียง (Nucleoplasty) เพื่อเป็นการช่วยแก้ไขหมอนรองกระดูก โดยการปล่อยคลื่นพลังงานอย่างอ่อน ที่จะช่วยให้ของเหลวคล้ายเจลในกระดูกสันหลังเล็กลงลง ทำให้สามารถลดการกดทับเส้นประสาทได้
การดูแลรักษาด้วยการใช้บอลลูนกว้างช่องกระดูกสันหลัง (Balloon Kyphoplasty) ที่สามารถช่วยลดการโก่งงอในกระดูกสันหลังได้แล้วฉีดสารซีเมนต์เข้าไปแทนที่บอลลูน โดยให้ซีเมนต์ทำหน้าที่แทนกระดูก จะทำให้หลังตรงขึ้น
การดูแลรักษาแบบหัตถการ ซึ่งเป็นวิธีการบำบัดที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด
การบำบัดด้วยวิธีการผ่าตัด สำหรับการดูแลรักษาด้วยวิธีนี้นั้น จะทำการรักษาโดยกระบวนการบำบัดอื่น ๆ ไม่ได้ผลแล้ว หรือเฉพาะในกรณีที่ จำต้องทำการแก้โครงสร้างกระดูก
อย่างไรก็ตามข้อสงสัยของอาการปวดหลัง (http://frienddoctor.net)นั้น หากเราสามารถดูแลได้จะเป็นการ ดีที่สุด กว่าการบำบัดรักษาในภายหลัง ดังนั้นจึงควรหมั่นเอาใจใส่สุขภาพของตนเองให้ดีมีเตรียมพร้อมตลอดเวลา ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเจ็บไข้แล้วยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเพียบพร้อมเพื่อพร้อมในการดำรงชีพประจำวันอีกด้วยครับ