ndrank
September 10th, 2015, 17:45
http://www.market2home.com/image/ads/big/ads1_20150607173514.jpg
ในอดีตกาลนั้นบริษัท Advertising Agency นั้นเป็น Creative House ที่มีความชำนาญ ซึ่งมีทั้งเล็ก ๆ และบริษัทใหญ่ที่จะทำหน้าที่คิดงานโฆษณา จาก แนวทาง, Copy และ Art จาก นั้นในปี 1970 บริษัทที่ซื้อและขายมีเดียจึงกำเนิดขึ้น และยุค 1980 จึงเป็นยุคที่กำเนิดการทำงานที่ต้องประสานงานกันระหว่าง Creative agency และ Media agency เข้าด้วยกัน จนเมื่อทศวรรษที่ 1990 บริษัทต่าง ๆ นั้นถูกซื้อและควบรวมเป็น Holding Company เพื่อทำงานร่วมกัน และดูแล Conflict Account ต่าง ๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ก็เกิดบริษัทที่มีความเฉพาะ ด้านต่าง ๆ ขึ้นมามากมายอาทิ PR, Research และอื่น ๆ ยุคโฆษณานี้ดำเนินมาได้กว่า 30 ปีตราบจนกระทั่งการมาถึงของโลกคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้น
การเกิดขึ้นของโลกดิจิทัลนั้นทำให้ Advertising agency นั้นถูกบีบจากรอบด้าน ทั้งนี้เพราะต้องเปลี่ยนวิธีการคิดจากการคิดแบบดั้งเดิม มาเป็นการคิดที่ใช้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น และแปลงเป็น ระบบอัตโนมัติเยอะขึ้น บริษัทซื้อขายมีเดียจากการที่ใช้การซื้อขายแบบทั่วไป ตกลงเป็นเอกสาร เปลี่ยนเป็นต้องซื้อผ่านอุปกรณ์หรือซอฟท์แวร์ขึ้นมา บริษัท Adtech ต่าง ๆ ถือ กำเนิดขึ้นและยังผลต่อการเข้าถึงผู้ซื้อมากมาย หลาย ๆ บริษัทก็เปลี่ยนจากสนามการแข่งขันตัวเองมาแข่งขันในสนามการตลาดและโฆษณาเช่นว่า Accenture, IBM, McKinsey, PWC และ Deloitte หรือบริษัทที่ทำหน้าที่ Publisher ก็ลงมาเล่นเรื่องการรังสรรค์งานครีเอทีฟแบบที่ลูกค้าชอบแทนบริษัทโฆษณาทั้งหลายเช่นเดียวกับ Vice, Buzzfeed หรืออื่น ๆ นี่ยังไม่รวมการกำเนิดของ Data Marketer ที่จะยังผลต่อการคิดและการทำตลาดต่าง ๆ จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจาก Data Marketer และยังมีการที่ฝั่งผู้ซื้อเองไม่ไว้ใจในการ ทำงานกับเอเจนซี่หรือรอเอเจนซี่ทำงานไม่ได้ จนต้องมี In house ของบริษัทเพื่อสนองความมุ่งมาดปรารถนาตนเอง
Advertising agency model นั้นอยู่ภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อ และต้องมีการแปรเปลี่ยน อย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันยุคแห่งการแปรอันรวดเร็วนี้ อาทิการสามารถทำงานที่ integrate ได้เพิ่มมากขึ้น ไม่สังกัดความถนัดของงานที่ตัวเองทำ มีความสามารถเฉพาะหรือแนวคิดใหม่ ๆ สร้างสรรค์งานในสนนราคาที่ถูกลงที่ใช้ในโลกOnline ได้อย่างเร็ว รวมถึงความคล่องใน เรื่องการจ่ายเงินหรือการทำงานกับเอเจนซี่อื่น ๆ ในโอกาสนี้ที่ต่างประเทศนั้นบริษัทเอเจนซี่ที่ปรับพฤติกรรมได้เริ่มต้นที่ independent agency หรือบริษัทโฆษณาที่อิสระไม่ได้อยู่ภายใต้ Group ใด ๆ โดยสามารถเอาแนวคิดเรื่องTechnology การทำงานที่คล่องตัว เร็วและสนนราคาไม่แพงในการรังสรรค์งานมานำเสนอผู้ใช้ได้
“การมีบริษัทที่มีคุณภาพสูงในหน้าที่ ดีกว่าการมีบริษัทที่เต็มไปด้วยครีเอทีฟ ที่มีแต่อีโก้สูง ๆ เต็มบริษัทจนทำงานเฉื่อย” นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในระบบการทำงานใน Advertising agency ของสหรัฐอเมริกา ที่บางหนการทำงานชิ้นงานครีเอทีฟชิ้นหนึ่งนั้นใช้เวลา เป็นปีกว่าจะสำเร็จลงได้ บริษัทอย่าง Publicis เองระยะนี้ก็รู้อุปสรรคนี้ภายในองค์การตัวเองและกำลังปรับพฤติกรรม ผ่าตัดองค์การเพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยระบุว่าองค์กรไหนที่ปรับตัวไม่ ได้นั้นจะหายไปจากตลาดหรือไม่มีใครใช้งาน
ในส่วนของลูกค้าเองทาง Keith Weed CMO ของบริษัท Unilever ระบุว่าในส่วนการเห็นผู้ซื้อนั้นในยุคนี้ผู้ซื้อนั้นต้องประสงค์ชิ้นงานหรือการคิดที่ Integrated มาให้หมด อาทิเช่นตั้งแต่ งานครีเอทีฟทั้งหมด ออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น SEO,Google adwords และจนถึงมีเดีย ทุกอย่างต้องคิดมาให้หมดเพื่อให้ผู้ซื้อเห็นภาพการทำงานที่เชื่อมโยงกัน ยิ่งไปกว่านี้สิ่งที่ผู้ใช้ต้องการมากจาก เอเจนซี่ทั้งหมด คือการที่ เอเจนซี่มาบอกว่า ด้วยบรีฟที่ได้ไป จะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้งานนั้นบรรลุผล มากกว่ามาบอกบริษัทตัวเองนั้นทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้หรือต้องให้ผู้ซื้อ บอกว่าต้องทำอะไร จะเอาอะไร ซึ่งเรื่องนี้กำลังกลับไปสู่ยุคที่ agency นั้นทำตัวเป็น full service ได้อีกนั้นเอง ยิ่งไปกว่านี้สิ่งสำคัญคือการที่ต้องทำงานที่เท่าทันหรือรับรู้เบื้องหน้าได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และTechnologyอะไรจะมา อะไรจะไป เพื่อทำให้Marketingนั้นมีตามสมัยตลอดเวลา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
tel : 026420450
website : http://www.ndrankseo.com/product/3/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B3-%E0%B9%82%E0%B8%86%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B8%B2-google-adwords-ppc
ในอดีตกาลนั้นบริษัท Advertising Agency นั้นเป็น Creative House ที่มีความชำนาญ ซึ่งมีทั้งเล็ก ๆ และบริษัทใหญ่ที่จะทำหน้าที่คิดงานโฆษณา จาก แนวทาง, Copy และ Art จาก นั้นในปี 1970 บริษัทที่ซื้อและขายมีเดียจึงกำเนิดขึ้น และยุค 1980 จึงเป็นยุคที่กำเนิดการทำงานที่ต้องประสานงานกันระหว่าง Creative agency และ Media agency เข้าด้วยกัน จนเมื่อทศวรรษที่ 1990 บริษัทต่าง ๆ นั้นถูกซื้อและควบรวมเป็น Holding Company เพื่อทำงานร่วมกัน และดูแล Conflict Account ต่าง ๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ก็เกิดบริษัทที่มีความเฉพาะ ด้านต่าง ๆ ขึ้นมามากมายอาทิ PR, Research และอื่น ๆ ยุคโฆษณานี้ดำเนินมาได้กว่า 30 ปีตราบจนกระทั่งการมาถึงของโลกคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้น
การเกิดขึ้นของโลกดิจิทัลนั้นทำให้ Advertising agency นั้นถูกบีบจากรอบด้าน ทั้งนี้เพราะต้องเปลี่ยนวิธีการคิดจากการคิดแบบดั้งเดิม มาเป็นการคิดที่ใช้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น และแปลงเป็น ระบบอัตโนมัติเยอะขึ้น บริษัทซื้อขายมีเดียจากการที่ใช้การซื้อขายแบบทั่วไป ตกลงเป็นเอกสาร เปลี่ยนเป็นต้องซื้อผ่านอุปกรณ์หรือซอฟท์แวร์ขึ้นมา บริษัท Adtech ต่าง ๆ ถือ กำเนิดขึ้นและยังผลต่อการเข้าถึงผู้ซื้อมากมาย หลาย ๆ บริษัทก็เปลี่ยนจากสนามการแข่งขันตัวเองมาแข่งขันในสนามการตลาดและโฆษณาเช่นว่า Accenture, IBM, McKinsey, PWC และ Deloitte หรือบริษัทที่ทำหน้าที่ Publisher ก็ลงมาเล่นเรื่องการรังสรรค์งานครีเอทีฟแบบที่ลูกค้าชอบแทนบริษัทโฆษณาทั้งหลายเช่นเดียวกับ Vice, Buzzfeed หรืออื่น ๆ นี่ยังไม่รวมการกำเนิดของ Data Marketer ที่จะยังผลต่อการคิดและการทำตลาดต่าง ๆ จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจาก Data Marketer และยังมีการที่ฝั่งผู้ซื้อเองไม่ไว้ใจในการ ทำงานกับเอเจนซี่หรือรอเอเจนซี่ทำงานไม่ได้ จนต้องมี In house ของบริษัทเพื่อสนองความมุ่งมาดปรารถนาตนเอง
Advertising agency model นั้นอยู่ภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อ และต้องมีการแปรเปลี่ยน อย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันยุคแห่งการแปรอันรวดเร็วนี้ อาทิการสามารถทำงานที่ integrate ได้เพิ่มมากขึ้น ไม่สังกัดความถนัดของงานที่ตัวเองทำ มีความสามารถเฉพาะหรือแนวคิดใหม่ ๆ สร้างสรรค์งานในสนนราคาที่ถูกลงที่ใช้ในโลกOnline ได้อย่างเร็ว รวมถึงความคล่องใน เรื่องการจ่ายเงินหรือการทำงานกับเอเจนซี่อื่น ๆ ในโอกาสนี้ที่ต่างประเทศนั้นบริษัทเอเจนซี่ที่ปรับพฤติกรรมได้เริ่มต้นที่ independent agency หรือบริษัทโฆษณาที่อิสระไม่ได้อยู่ภายใต้ Group ใด ๆ โดยสามารถเอาแนวคิดเรื่องTechnology การทำงานที่คล่องตัว เร็วและสนนราคาไม่แพงในการรังสรรค์งานมานำเสนอผู้ใช้ได้
“การมีบริษัทที่มีคุณภาพสูงในหน้าที่ ดีกว่าการมีบริษัทที่เต็มไปด้วยครีเอทีฟ ที่มีแต่อีโก้สูง ๆ เต็มบริษัทจนทำงานเฉื่อย” นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในระบบการทำงานใน Advertising agency ของสหรัฐอเมริกา ที่บางหนการทำงานชิ้นงานครีเอทีฟชิ้นหนึ่งนั้นใช้เวลา เป็นปีกว่าจะสำเร็จลงได้ บริษัทอย่าง Publicis เองระยะนี้ก็รู้อุปสรรคนี้ภายในองค์การตัวเองและกำลังปรับพฤติกรรม ผ่าตัดองค์การเพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยระบุว่าองค์กรไหนที่ปรับตัวไม่ ได้นั้นจะหายไปจากตลาดหรือไม่มีใครใช้งาน
ในส่วนของลูกค้าเองทาง Keith Weed CMO ของบริษัท Unilever ระบุว่าในส่วนการเห็นผู้ซื้อนั้นในยุคนี้ผู้ซื้อนั้นต้องประสงค์ชิ้นงานหรือการคิดที่ Integrated มาให้หมด อาทิเช่นตั้งแต่ งานครีเอทีฟทั้งหมด ออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น SEO,Google adwords และจนถึงมีเดีย ทุกอย่างต้องคิดมาให้หมดเพื่อให้ผู้ซื้อเห็นภาพการทำงานที่เชื่อมโยงกัน ยิ่งไปกว่านี้สิ่งที่ผู้ใช้ต้องการมากจาก เอเจนซี่ทั้งหมด คือการที่ เอเจนซี่มาบอกว่า ด้วยบรีฟที่ได้ไป จะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้งานนั้นบรรลุผล มากกว่ามาบอกบริษัทตัวเองนั้นทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้หรือต้องให้ผู้ซื้อ บอกว่าต้องทำอะไร จะเอาอะไร ซึ่งเรื่องนี้กำลังกลับไปสู่ยุคที่ agency นั้นทำตัวเป็น full service ได้อีกนั้นเอง ยิ่งไปกว่านี้สิ่งสำคัญคือการที่ต้องทำงานที่เท่าทันหรือรับรู้เบื้องหน้าได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และTechnologyอะไรจะมา อะไรจะไป เพื่อทำให้Marketingนั้นมีตามสมัยตลอดเวลา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
tel : 026420450
website : http://www.ndrankseo.com/product/3/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B3-%E0%B9%82%E0%B8%86%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B8%B2-google-adwords-ppc