PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : คำกล่าวน่าผิดแผกแตกต่างจริงนำโซล่าเพาเวอร์แบงค์ไปอาบแดดเพื่อชาร์จก่อนใช้งาน



kookkisun
September 24th, 2015, 12:27
เวลานี้จะไปไหนมาไหนสิ่งของที่ต้องพกพาติดเป้ไปด้วยตลอดนอกเหนือจากพวกเครื่องใช้จำเป็นอื่นๆแล้วคงหนีไม่พ้น เพาเวอร์แบงค์ (http://www.sunnergytech.com/)หรือแบตเตอรี่สำรองนั้นเองเพราะถ้าเราลองอุปมาการใช้ชีวิตแต่ละวันของคนสมัยปัจจุบันกับเมื่อก่อนมีความแตกต่างกันมากทั้งในเรื่องความเป็นอยู่และการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้โดยในสมัยปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆเพื่อสนองความมุ่งมาดปรารถนาตามยุคสมัยไม่ตกยุค สบายและการเข้าถึงข้อมูลทุกแนวทางจะเห็นได้จากอีกอย่างคือ ที่ผ่านมาแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือชาร์จครั้งหนึ่งเราอาจใช้งานได้นานสองถึงสามวันเลยแต่ในช่วงปัจจุบันที่ 3G ,4G กำลังเป็นที่นิยมผู้คนส่วนมากก็ไม่ได้ใช้มือถือหรือที่ในช่วงปัจจุบันเรียกว่าสมาร์ทโฟนแค่ในการติดต่อเท่านั้น แต่ตัวสมาร์ทโฟนยังออนไลน์เพื่อรับส่งข่าวสารอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็น facebook ,line ,Instagram และแอพพลิเคชั่นอื่นๆเป็นต้น ทำให้ในโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนแต่ละเครื่องมีการใช้แบตเตอรี่มากกว่ามือถือในเมื่อก่อน แบตเตอรี่ที่ติดมากับโทรศัพท์มือถือจึงมีขนาดความจุของไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการใช้งานและผู้คนจำนวนมากในยุคนี้ก็ไม่ชอบปัญหา แบตเตอรี่ขาดมือตอนติดต่องาน ,แบตเตอรี่หมดตอนแชทคุยกับกลุ่มเพื่อน ,แบตเตอรี่หมดในที่ไม่มีที่ชาร์จแบตเตอรี่ ,ไปต่างถิ่นแล้วปลั๊กไม่เหมือนที่เมืองไทย เพาเวอร์แบงค์หรือแบตเตอรี่สำรอง จึงมีผลดีมากและเป็นทางเลือกสำคัญของผู้คนในช่วงปัจจุบันนี้ ถ้าเราลองมาทำความรู้จักกับเพาเวอร์แบงค์หรือแบตเตอรี่สำรอง เราจะพบว่ามันก็คือแบตเตอรี่ที่มีการดีไซน์ความจุหลายขนาดห่อหุ้มด้วยวัสดุกันปะทุอย่างแน่นหนาเพื่อให้สะดวกต่อการพกพาเดินทาง พร้อมทั้งมีช่องจ่ายไฟฟ้าบ้านเข้าตัวแบตเตอร์รี่ และมีช่องจ่ายพลังงานจากแบตเตอรี่เข้าสู่สมาร์ทโฟนและแทบเล็ตต่างๆ การเลือกใช้เพาเวอร์แบงค์และการดูความรวดเร็วของการชาร์จมีวิธีการดังนี้คือ อัตราการรับไฟบ้านเข้าตัว และระยะเวลาการจ่ายไฟออกจากเพาเวอร์แบงค์ ให้ดูที่ฉลากข้างกล่องได้เลยตรงที่ระบุว่า Input : DC 5V - 2.1 A (max) หมายความว่า เวลาที่ใช้ในการชาร์จไฟบ้านเข้าเพาเวอร์แบงค์กระแสไฟฟ้าจะไหลเข้าไปเก็บสูงสุดต่อหน่วยเวลา คือ 2.1 แอมป์ (ถือว่าเป็นจำนวนที่เร็วมากและไม่เป็นอันตรายสำหรับเพาเวอร์แบงค์) ดังนั้น ถ้าเขียนว่า 1.0 A (max) ก็แสดงว่า ใช้เวลาในการชาร์จกระแสไฟบ้านเข้าตัวเพาเวอร์แบงค์นานกว่า ยิ่งความจุ10,000 มิลลิแอมป์ อาจนานถึง 15 ชั่วโมงเลยทีเดียว Output : DC 5V - 2.1 A คือ ตอนชาร์จสมาร์ทโฟน/แทบเล็ตต่างๆ เข้ากับเครื่องแบตเตอรี่สำรอง ไฟฟ้าจะไหลเข้าสูงสุดต่อหน่วยเวลา คือ 2.1 แอมป์ (ยิ่งมากยิ่งดี 2.1 A ถือได้ว่าเร็วมาก ซึ่งทั่วๆ ไปในท้องตลาดจะมี1.0 A กับ2.1 Aการเลือกซื้อหาอุปกรณ์เสริมให้กับตัวแบตเตอรี่สำรอง ปกติเพาเวอร์แบงค์ที่มีขายจะไม่มีหัวปลั๊กไฟที่ใช้ต่อกระแสไฟบ้านเพื่อชาร์ตกระแสไฟเข้าตัวมันมาพร้อมในกล่องด้วย เพราะหัวปลั๊กไฟฟ้านี้อาจจะใช้ร่วมกับของสมาร์ทโฟน/แทบเล็ตต่างๆในช่วงปัจจุบันที่มีพอร์ต USB ที่หัวปลั๊กไฟฟ้าอยู่แล้ว หัวปลั๊กจะแปลงกระแสไฟบ้านพักอาศัย220โวลต์ เป็นกี่แอมป์ให้ดูที่หัวปลั๊กไฟฟ้าได้เลย ตรงบรรทัดที่ระบุว่า Output ดังนั้น ให้ดูว่ามีหัวเต้าเสียบที่เข้ากับเครื่องไม้เครื่องมือของเราได้หรือไม่ เมื่อเราดูวิธีเลือกสังเกตเลือกซื้อหาเครื่องไม้เครื่องมือแล้ว ต่อไปจะเป็นการระวังรักษาอุปกรณ์เพาเวอร์แบงค์หรือแบตเตอรี่สำรองให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นไปสิ่งที่เราพึงทำคือ จากที่อายุการใช้งานของ แบตสำรองแบบ Lithium - Ion ทั่วไปจะมีอายุการใช้งานประมาณ 300-500 รอบ กลุ่ม Lithium-Polymer จะอยู่ที่ 600-800 รอบ เพราะฉะนั้น คือ เราสามารถใช้แบตสำรองได้ประมาณ 10 เดือน - 2 ปี (หากใช้วันละ 1 รอบ) มันจะชำรุดเร็วถ้าเราต่อเพาเวอร์แบงค์เข้ากับสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตต่างๆ แล้วใช้งานสมาร์ทโฟน เช่นเข้าเน็ตและเล่นเกมส์ไปด้วย ดังนั้นควรปล่อยให้เพาเวอร์แบงค์จ่ายกระแสไฟเข้าอุปกรณ์จนเต็มที่แล้วถอดปลั๊กออก จึงค่อยใช้งานอุปกรณ์ ตัวแบตเตอรี่สำรองจะชำรุดเร็วมากขึ้น ถ้าเราไม่ชาร์จไฟให้ตัวเขาเต็มอยู่เสมอ หากเห็นว่าระดับปริมาณไฟฟ้าบนตัวแบตเตอรี่สำรองเหลือต่ำกว่า 30% แล้ว ควรหยุดใช้งาน เพราะถ้าเรายังฝืนหยิบแบตเตอรี่สำรองไปจ่ายไฟเข้าโทรศัพท์มือถือและแทบเล็ต จนไฟในอุปกรณ์แบตเตอรี่สำรอง หมดเกลี้ยงเราจะเห็นอาการ “ตายสนิท” ของแบตเตอรี่สำรองรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุว่าการสร้างประจุพลังงานอีกครั้งนั้นใช้พลังงานเป็นอย่างยิ่งจึงทำให้แบตของแบตเตอรี่สำรองชำรุดเร็ว สิ่งที่ควรรู้อีกคือแบตเตอรี่สำรองไม่ชอบความร้อนอย่างมากหากยิ่งใกล้ความร้อนตัวเซลล์ในตัวแบตเตอรี่สำรองจะชำรุดไว ดังนั้นงดเว้นตั้งไว้ในที่ร้อน ควรวางแบตเตอรี่สำรองไว้ในที่เย็นสบาย ซึ่งจะสามารถยืดอายุและใช้งานได้นานมากขึ้น ห้ามทำแบตเตอรี่สำรองตก หรือโดนกับของเหลว เช่น น้ำ ก็เพราะว่าจะทำให้เกิดกระแสไฟลัดวงจรได้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ถูกกับน้ำและความชื้น ห้ามนำแบตเตอรี่สำรองไว้ใกล้ความร้อน เตาไฟ ไมโครเวฟ ฯลฯ หรือ อย่าเอาไฟไปเผาแบตเตอรี่สำรองเล่น เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ระเบิด เกิดอันตรายได้และสุดท้ายสำหรับการรักษาแบตเตอรี่สำรองคือตัวแบตเตอรี่สำรองของบางยี่ห้อ ไม่มีรูปแบบการคุมอุณหภูมิความร้อนของตัวเครื่อง ถ้าใช้ติดต่อกันนานเกินควร ความร้อนจากการทำงานอาจทำให้แบตเตอรี่สำรองเสียหายและเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วได้ ใช้อย่างพอดีๆ พักบ้างก็ดีเหมือนกันจะเห็นได้ว่าถ้าเรารู้จักเลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์ให้พอเหมาะกับการใช้งานและรู้วิธีดูแลรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมการใช้งานเพาเวอร์แบงค์ของเราก็จะมีอำนาจมากขึ้นใช้งานได้นานขึ้นอีกด้วย