rusyze471
October 14th, 2015, 00:24
ถุงใต้ตา เป็นปัญหาที่แก้ไขยาก ซึ่งมักพบว่าเป็นพร้อมกับปัญหา รอยคล้ำและริ้วรอยรอบดวงตาที่สร้างความกังวลให้กับทุกคน ปัญหาการเกิดถุงใต้ตา เกิดขึ้นได้หลายเค้ามูล ไม่ว่าจะเป็น การใช้สายตาเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดมากเกินไป กรรมพันธุ์ สภาพแวดล้อมที่อยู่ รวมถึงอาหารการกิน ความตึงเครียด การลดลงอย่างฉับพลันของฮอร์โมนเพศหญิง ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุให้เซลล์ผิวเสื่อมได้มากขึ้น ซึ่งสามารถสรุปปัญหาของการเกิดขึ้น ได้ 2 ลักษณะ คือ ถุงใต้ตาแท้ และถุงใต้ตาเทียม โดยมีข้อแตกต่างกันดังนี้
1. ถุงใต้ตาแท้ มีสาเหตุหลักมาจากพันธุกรรม วิธีนี้ต้องพึ่งการทำศัลยกรรมอ่า เพราะถุงใต้ตาชนิดนี้เกิดจากระบบต่อมไร้ท่อภายในร่างกายทำงานผิดประจำ ปกติคนเราจะมีก้อนไขมันสามก้อนอยู่ที่ใต้ตา และเมื่ออายุมากขึ้นก้อนไขมันเหล่านี้ก็จะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับบางคนที่มีปมปัญหานี้ บางครั้งก็สังเกตอาการใหญ่โตของถุงใต้ตาได้ตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ ได้เลย วิธีการระแวดระวังมีตั้งแต่การผ่าตัดถุงใต้ตา การใช้ยาละลายไขมัน การใช้คลื่นวิทยุ หรือ Radio Frequency (RF) หากเลือกรักษาอาการดังกล่าวด้วยวิธีการใช้คลื่น RF ก็จะช่วยทำให้ไขมันใต้ตาดูเล็กลง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำให้ปัญหานี้หายขาดได้ เพราะเป็นเพียงวิธีการที่ช่วยยกกระชับผิวใต้ตา ซึ่งจะทำให้ถุงใต้ตาดูหดตัวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การเยียวยารักษาทางการแพทย์ถ้าเป็นสมัยก่อนมักคิดถึงการผ่าตัด ซึ่งโดยมากจะช่วยเรื่องถุงใต้ตาได้ดี แต่ช่วยเรื่องรอยคล้ำได้น้อย นอกจากตัดรอยดำออกไปด้วย ไม่เพียงแค่ความเจ็บปวดและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง การผ่าตัดอาจช่วยให้ผิวเรียบเนียน ตึงร่าเริง แต่ความงามนี้อาจอยู่ได้ไม่นานเพียง 1-2 ปี หากขาดการดูแลและใช้ชีวิตอยู่กับปัจจัยเสี่ยงข้างต้นก็จะเกิดปัญหาซ้ำใหม่ได้ เพราะการผ่าตัดคือ การตัดเอาถุงไขมันใต้ตาทิ้งไป แต่ปัญหาการสะสมของน้ำและไขมันก็ยังบังเกิดได้ใหม่ตลอดเวลา เมื่อสภาพผิวเริ่มไม่ปกติลงผนวกกับอายุที่เพิ่มขึ้นกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของเซลล์ผิวก็เสื่อมถอยขาดประสิทธิภาพ ทำให้การไหลเวียนขับถ่ายของเสียรอบดวงตาบกพร่อง ก่อเกิดการรวบรวมตัวซ้ำของถุงใต้ตา และริ้วรอยหมองคล้ำอยู่เรื่อยไป ประจุบัน มีวิธีการบรรเทาแบบใหม่ๆ คือ การนำสารโปรตีนอนุภาคเล็กที่เรียกว่า Acetyl tetrapeptide 5 (อะเซ็ทติล เต็ตตร้า เปปไทด์ 5) ที่ทางการแพทย์ใช้เป็นยาลดแรงดันเลือด นำมาใช้ในเครื่องสำอางเอาใจใส่ดูแลผิว เพื่อเสริมการขจัดปัญหาปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งมีการเรียนวิจัยในยุโรปแล้วว่า สารดังกล่าวสามารถช่วยลดการเกิดถุงใต้ตา (http://www.theoneantiaging.com/) รอยบวม ตลอดจนรอยคล้ำได้ เพราะช่วยปรับการไหลเวียนของโลหิตและน้ำเหลืองให้เป็นไปอย่างเทียบเท่า อีกทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้เซลล์ผิวถาวรคงที่ขึ้นและช่วยให้ของเสียถูกขับถ่ายออกจากเซลล์ผิวได้ดีขึ้น จึงช่วยลดการสะสมตัวของน้ำและไขมันที่อาจเกิดขึ้นรอบดวงตา
2. ถุงใต้ตาเทียม พบว่ามีสาเหตุมากจากระบบการไหลเวียนในเนื้อตัวไม่ดี ทำให้ของเหลวไปคั่งอยู่ที่ใต้ตา คนที่มีปัญหาถุงใต้ตาเทียมแบบนี้ มักจะมาจากท่าทางต่าง ๆ เช่น ชอบนอกดึก ร้องไห้เป็นประจำ ขยี้ตา ใช้สายตามากเกินไป ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ตลอดจนการแพ้สารต่าง ๆ เช่น แพ้มาสคาร่า อาจมีการเก็บทำให้คันพอคันก็จะถู ขยี้ตา จะไปกระตุ้นทำให้ทิ้งรอยดำได้ และหนุ่มสาวคนไหนที่มีนิสัยชอบนอนดึกๆ หรืออดนอนอยู่เป็นนิจล่ะก็ รู้ไว้เลยว่าจะทำให้การไหลเวียนเลือดฝาดไม่ดี สารอาหารในเลือดลดลง เส้นเลือดตีบ รอยคล้ำก็ชัดขึ้น และหากปล่อยให้เป็นนานๆ เส้นเลือดจะเปราะแตกง่าย ทำให้เกิดสารค้างอยู่ใต้ตาทำให้ตาคล้ำได้ หากเป็นเช่นนี้ คุณสามารถรักษาถุงใต้ตาให้หายได้เองโดยไม่ต้องผ่าตัดก็ได้ เพียงแค่เปลี่ยนพฤติกรรมไม่ดีทั้งหลาย แล้วลองนวดที่ดวงตาเบา ๆ หรือหมั่นประคบเย็นที่ดวงตาเป็นประจำ อาการดังกล่าวก็จะค่อย ๆ หายไปได้เองค่ะ
1. ถุงใต้ตาแท้ มีสาเหตุหลักมาจากพันธุกรรม วิธีนี้ต้องพึ่งการทำศัลยกรรมอ่า เพราะถุงใต้ตาชนิดนี้เกิดจากระบบต่อมไร้ท่อภายในร่างกายทำงานผิดประจำ ปกติคนเราจะมีก้อนไขมันสามก้อนอยู่ที่ใต้ตา และเมื่ออายุมากขึ้นก้อนไขมันเหล่านี้ก็จะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับบางคนที่มีปมปัญหานี้ บางครั้งก็สังเกตอาการใหญ่โตของถุงใต้ตาได้ตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ ได้เลย วิธีการระแวดระวังมีตั้งแต่การผ่าตัดถุงใต้ตา การใช้ยาละลายไขมัน การใช้คลื่นวิทยุ หรือ Radio Frequency (RF) หากเลือกรักษาอาการดังกล่าวด้วยวิธีการใช้คลื่น RF ก็จะช่วยทำให้ไขมันใต้ตาดูเล็กลง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำให้ปัญหานี้หายขาดได้ เพราะเป็นเพียงวิธีการที่ช่วยยกกระชับผิวใต้ตา ซึ่งจะทำให้ถุงใต้ตาดูหดตัวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การเยียวยารักษาทางการแพทย์ถ้าเป็นสมัยก่อนมักคิดถึงการผ่าตัด ซึ่งโดยมากจะช่วยเรื่องถุงใต้ตาได้ดี แต่ช่วยเรื่องรอยคล้ำได้น้อย นอกจากตัดรอยดำออกไปด้วย ไม่เพียงแค่ความเจ็บปวดและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง การผ่าตัดอาจช่วยให้ผิวเรียบเนียน ตึงร่าเริง แต่ความงามนี้อาจอยู่ได้ไม่นานเพียง 1-2 ปี หากขาดการดูแลและใช้ชีวิตอยู่กับปัจจัยเสี่ยงข้างต้นก็จะเกิดปัญหาซ้ำใหม่ได้ เพราะการผ่าตัดคือ การตัดเอาถุงไขมันใต้ตาทิ้งไป แต่ปัญหาการสะสมของน้ำและไขมันก็ยังบังเกิดได้ใหม่ตลอดเวลา เมื่อสภาพผิวเริ่มไม่ปกติลงผนวกกับอายุที่เพิ่มขึ้นกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของเซลล์ผิวก็เสื่อมถอยขาดประสิทธิภาพ ทำให้การไหลเวียนขับถ่ายของเสียรอบดวงตาบกพร่อง ก่อเกิดการรวบรวมตัวซ้ำของถุงใต้ตา และริ้วรอยหมองคล้ำอยู่เรื่อยไป ประจุบัน มีวิธีการบรรเทาแบบใหม่ๆ คือ การนำสารโปรตีนอนุภาคเล็กที่เรียกว่า Acetyl tetrapeptide 5 (อะเซ็ทติล เต็ตตร้า เปปไทด์ 5) ที่ทางการแพทย์ใช้เป็นยาลดแรงดันเลือด นำมาใช้ในเครื่องสำอางเอาใจใส่ดูแลผิว เพื่อเสริมการขจัดปัญหาปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งมีการเรียนวิจัยในยุโรปแล้วว่า สารดังกล่าวสามารถช่วยลดการเกิดถุงใต้ตา (http://www.theoneantiaging.com/) รอยบวม ตลอดจนรอยคล้ำได้ เพราะช่วยปรับการไหลเวียนของโลหิตและน้ำเหลืองให้เป็นไปอย่างเทียบเท่า อีกทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้เซลล์ผิวถาวรคงที่ขึ้นและช่วยให้ของเสียถูกขับถ่ายออกจากเซลล์ผิวได้ดีขึ้น จึงช่วยลดการสะสมตัวของน้ำและไขมันที่อาจเกิดขึ้นรอบดวงตา
2. ถุงใต้ตาเทียม พบว่ามีสาเหตุมากจากระบบการไหลเวียนในเนื้อตัวไม่ดี ทำให้ของเหลวไปคั่งอยู่ที่ใต้ตา คนที่มีปัญหาถุงใต้ตาเทียมแบบนี้ มักจะมาจากท่าทางต่าง ๆ เช่น ชอบนอกดึก ร้องไห้เป็นประจำ ขยี้ตา ใช้สายตามากเกินไป ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ตลอดจนการแพ้สารต่าง ๆ เช่น แพ้มาสคาร่า อาจมีการเก็บทำให้คันพอคันก็จะถู ขยี้ตา จะไปกระตุ้นทำให้ทิ้งรอยดำได้ และหนุ่มสาวคนไหนที่มีนิสัยชอบนอนดึกๆ หรืออดนอนอยู่เป็นนิจล่ะก็ รู้ไว้เลยว่าจะทำให้การไหลเวียนเลือดฝาดไม่ดี สารอาหารในเลือดลดลง เส้นเลือดตีบ รอยคล้ำก็ชัดขึ้น และหากปล่อยให้เป็นนานๆ เส้นเลือดจะเปราะแตกง่าย ทำให้เกิดสารค้างอยู่ใต้ตาทำให้ตาคล้ำได้ หากเป็นเช่นนี้ คุณสามารถรักษาถุงใต้ตาให้หายได้เองโดยไม่ต้องผ่าตัดก็ได้ เพียงแค่เปลี่ยนพฤติกรรมไม่ดีทั้งหลาย แล้วลองนวดที่ดวงตาเบา ๆ หรือหมั่นประคบเย็นที่ดวงตาเป็นประจำ อาการดังกล่าวก็จะค่อย ๆ หายไปได้เองค่ะ