pigaju58
November 7th, 2015, 11:38
ไขมันในร่างกาย มาก คือ โรคอ้วน คือ ภาวการณ์ที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันในร่างกายมากกว่าปรกติ(Overweight and obesity) การที่มีการสั่งสมของไขมันมากขึ้นนี้อาจเนื่องมาจากร่างกายได้รับอาหารเกินกว่าที่ร่างกายต้องประสงค์จึงมีการเก็บเอาไว้ในรูปของไขมันตามอวัยวะต่างๆ เช่น พุง แขน ขา ลำคอ และนำมาซึ่งมูลเหตุของความเจ็บป่วยต่างๆ ที่สงผลต่อสุขภาพ จนอาจเป็นต้นสายปลายเหตุให้เสียชีวิตได้ อีกมูลเหตุสำคัญคือภาวะการควบคุมความสมดุลของร่างกายบกพร่อง ทำให้สะสมไขมันในร่างกาย เพิ่ม
ค่าดัชนีมวลกาย/ดรรชนีมวลกาย (Body mass index หรือ เรียกย่อว่า BMI/บีเอ็มไอ) ตั้งแต่ 25 ขึ้นไป เรียกว่า โรคอ้วน แต่ถ้ามีค่าดรรชนีมวลกาย ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป เรียกว่า เป็นโรคอ้วนอันตรายเราต้องหาวิธีกำจัดไขมันในร่างกาย
การคำนวนค่าดรรชนีมวลร่างกาย = น้ำหนัก หน่วยเป็น กก. / ความสูง หน่วยเป็น เมตร ยกกำลัง สอง
ตัวอย่างเช่น บุคคล น้ำหนัก 62 กิโลกรัม ส่วนสูง 1.65 เมตร จะ เท่ากับ 62/1.65*1.65 = 62/2.7225 ได้ค่า บีเอ็มไอ (BMI) = 22.77219 ถือได้ ว่า สภาวะน้ำหนักตัว เป็น ปกติ แต่ถ้า การวัดเปรียบเทียบค่าได้ 23-24.9 ถือว่าน้ำหนักเกิน เพราะว่าไขมันในร่างกายมาก
และถ้า น้ำหนักตัว ต่ำกว่า 18.5 เรียกว่า น้ำหนัก ต่ำกว่ากฏเกณฑ์ เพราะไขมันในร่างกาย (http://www.bim100shop.com/)น้อยการใช้ดรรนีมวลกายวัดค่า จะใช้ค่าชี้วัดวาอารามกัน ระหว่าง หญิงกับชาย และระหว่างคนเอเชีย อัฟริกา ยุโรป จะใช้ค่าดรรชนีที่คลาดเคลื่อนกัน
โรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงติดต่อ คือโรค หลอดเลือด ตีบตัน โรคหัวใจ เบาหวาน อัมพฤษ อัมพาต โรคนิ่วในถุงน้ำดี เพราะ เมื่อไขมันในร่างกายสะสมเป็นก้อนแข็ง ก็จะกลายเป็นนิ่ว
โรคขาดอากาศหายใจ เพราะเส้นทางเดินหายใจตัน เนื่องด้วยไขมันในร่างกายมากโดยเฉพาะเวลานอนหลับ อาจเสียชีวิตได้ โรคต่อเนื่องคือโรคเครียด โรคซึมเศร้า
มูลเหตุแห่งโรค
คงมีการทานยาบางประเภท ทำให้เกิดโรคอ้วน เช่นยากันชัก ยาควบคุมอารมณ์จากจิตเวช ปัญหาด้านกรรมพันธ์ ก็มีส่วนบ้าง โรคเกี่ยวกับไทรอยด์ โรคซีด ก้อนเนื้อ มะเร็ง โรคต่างๆเหล่านี้อาจเกิดจาก ภาวะไม่สมดุล ของระบบควบคุมของร่างกาย ทำให้เกิดโรคภัย และมีความบกพร่องในการควคุมบางอย่างของร่างกาย
อุปนิสัยการทานอาหารนับเป็นส่วนสำคัญ
การเอาใจใส่รักษา
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงกีฬาที่ต้องกระโดด กระแทก เพราะน้ำหนักตัวที่มากอาจส่งผลถึงกระดูก และข้อต่างๆ ควรออกกำลังการด้วยวิธีเดิน ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค
ลดนิสัยการทานอาหารตามใจปาก การเป็นโรคอ้วนจำเป็นต้องควบคุมอาหารอย่างมาก ไม่ทานอาหารจำพวกแป้ง เลยจะดีที่สุด อาหารที่มีไขมันควร หลบเลี่ยง ทดแทนด้วย ผักผลไม้ที่ไม่มีน้ำตาล หรือน้ำตาลน้อย เช่น ฝรั่ง แก้วมังกร ฝักต่างๆ แครอท แอปเปิ้ลเขียว ทานน้ำมากๆ แทน ไม่ทานอาหารรสจัด เค็มจัด หวานจัด เป็นวิธี ลดไขมันในร่างกาย
ญาติควรช่วยกันให้กำลังใจ ชักจูงให้บันเทิงกับการออกกำลังกาย การใช้ชีวิตประจำวันควรหลีกเลี่ยง เครื่องอำนวยความสะดวก เช่น ลิฟท์ ควรใช้การเดินแทน ก็เพราะว่าออกกำลังกายมากๆ จะช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย แต่ต้องระแวดระวังเมื่อออกกำลังกายแล้วจะรู้สึกหิวเพิ่มพูนขึ้น จำเป็นจะต้องต้องทานอารหารกลุ่มผักผลไม้แทน
ค่าดัชนีมวลกาย/ดรรชนีมวลกาย (Body mass index หรือ เรียกย่อว่า BMI/บีเอ็มไอ) ตั้งแต่ 25 ขึ้นไป เรียกว่า โรคอ้วน แต่ถ้ามีค่าดรรชนีมวลกาย ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป เรียกว่า เป็นโรคอ้วนอันตรายเราต้องหาวิธีกำจัดไขมันในร่างกาย
การคำนวนค่าดรรชนีมวลร่างกาย = น้ำหนัก หน่วยเป็น กก. / ความสูง หน่วยเป็น เมตร ยกกำลัง สอง
ตัวอย่างเช่น บุคคล น้ำหนัก 62 กิโลกรัม ส่วนสูง 1.65 เมตร จะ เท่ากับ 62/1.65*1.65 = 62/2.7225 ได้ค่า บีเอ็มไอ (BMI) = 22.77219 ถือได้ ว่า สภาวะน้ำหนักตัว เป็น ปกติ แต่ถ้า การวัดเปรียบเทียบค่าได้ 23-24.9 ถือว่าน้ำหนักเกิน เพราะว่าไขมันในร่างกายมาก
และถ้า น้ำหนักตัว ต่ำกว่า 18.5 เรียกว่า น้ำหนัก ต่ำกว่ากฏเกณฑ์ เพราะไขมันในร่างกาย (http://www.bim100shop.com/)น้อยการใช้ดรรนีมวลกายวัดค่า จะใช้ค่าชี้วัดวาอารามกัน ระหว่าง หญิงกับชาย และระหว่างคนเอเชีย อัฟริกา ยุโรป จะใช้ค่าดรรชนีที่คลาดเคลื่อนกัน
โรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงติดต่อ คือโรค หลอดเลือด ตีบตัน โรคหัวใจ เบาหวาน อัมพฤษ อัมพาต โรคนิ่วในถุงน้ำดี เพราะ เมื่อไขมันในร่างกายสะสมเป็นก้อนแข็ง ก็จะกลายเป็นนิ่ว
โรคขาดอากาศหายใจ เพราะเส้นทางเดินหายใจตัน เนื่องด้วยไขมันในร่างกายมากโดยเฉพาะเวลานอนหลับ อาจเสียชีวิตได้ โรคต่อเนื่องคือโรคเครียด โรคซึมเศร้า
มูลเหตุแห่งโรค
คงมีการทานยาบางประเภท ทำให้เกิดโรคอ้วน เช่นยากันชัก ยาควบคุมอารมณ์จากจิตเวช ปัญหาด้านกรรมพันธ์ ก็มีส่วนบ้าง โรคเกี่ยวกับไทรอยด์ โรคซีด ก้อนเนื้อ มะเร็ง โรคต่างๆเหล่านี้อาจเกิดจาก ภาวะไม่สมดุล ของระบบควบคุมของร่างกาย ทำให้เกิดโรคภัย และมีความบกพร่องในการควคุมบางอย่างของร่างกาย
อุปนิสัยการทานอาหารนับเป็นส่วนสำคัญ
การเอาใจใส่รักษา
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงกีฬาที่ต้องกระโดด กระแทก เพราะน้ำหนักตัวที่มากอาจส่งผลถึงกระดูก และข้อต่างๆ ควรออกกำลังการด้วยวิธีเดิน ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค
ลดนิสัยการทานอาหารตามใจปาก การเป็นโรคอ้วนจำเป็นต้องควบคุมอาหารอย่างมาก ไม่ทานอาหารจำพวกแป้ง เลยจะดีที่สุด อาหารที่มีไขมันควร หลบเลี่ยง ทดแทนด้วย ผักผลไม้ที่ไม่มีน้ำตาล หรือน้ำตาลน้อย เช่น ฝรั่ง แก้วมังกร ฝักต่างๆ แครอท แอปเปิ้ลเขียว ทานน้ำมากๆ แทน ไม่ทานอาหารรสจัด เค็มจัด หวานจัด เป็นวิธี ลดไขมันในร่างกาย
ญาติควรช่วยกันให้กำลังใจ ชักจูงให้บันเทิงกับการออกกำลังกาย การใช้ชีวิตประจำวันควรหลีกเลี่ยง เครื่องอำนวยความสะดวก เช่น ลิฟท์ ควรใช้การเดินแทน ก็เพราะว่าออกกำลังกายมากๆ จะช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย แต่ต้องระแวดระวังเมื่อออกกำลังกายแล้วจะรู้สึกหิวเพิ่มพูนขึ้น จำเป็นจะต้องต้องทานอารหารกลุ่มผักผลไม้แทน