PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : เทคนิคที่ไม่ลับของการทำเคลือบแก้วกล้วยๆๆเราทำเองได้



ksumai701
November 12th, 2015, 16:42
กระแสเคลือบแก้ว  กำลังมาแรงแซงโค้งการเคลือบสีรถแบบปกติทั่วไป เรามาทำความรู้จักกับคำนี้กันก่อนครับ โดยเฉพาะคนที่ออกรถมาใหม่ แน่นอนคุณจะต้องศึกษา และคัดสรรข้อมูลการเคลือบมาว่าคุณจะนำรถไปเคลือบเลยดีไหม หรือใช้ไปซักระยะก่อนเอาไปเคลือบ ส่วนรถใครที่มีอายุการใช้งานแล้วอยากจะเคลือบบ้าง จะทำได้หรือไม่และต้องทำอย่างไร ทั้ง2ประเด็นกูรูขอแนะนำในที่นี้เลยว่า การเคลือบแก้วปัจจุบัน เราสามารถทำเองได้อย่างง่ายๆเพียงเลือกใช้น้ำยา ที่มีคุณลักษณะ และดีไซน์ประยุกต์ให้ใช้งานอย่างง่ายๆโดยสำหรับรถใหม่ป้ายแดง การเคลือบก็จะง่ายๆกว่ารถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว เนื่องจากรถใหม่ยังไม่เกิดริ้วรอยขนแมวบนผิวสีรถ ดังนั้นเราจึงไม่ต้องเสียเวล่ำเวลาเก็บลายต่างๆก่อนเคลือบ ตรงข้ามกับรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว มีความจำเป็นจะต้องอย่างยิ่งที่ต้องขัดสีลบรอยขนแมว และคราบสกปรกบนผิวรถให้หมดจดก่อนจึงจะลงน้ำยาได้
น้ำยา เคลือบแก้ว จะมีระดับความหนาของชั้นเคลือบที่ต่างกัน มีตั้งแต่ระดับ 1-9 H น้ำยาจะมีส่วนผสมหลักคือนาโน Silica ครับ ระยะเวลาความคงทนก็ขึ้นอยู่กับความหนาของชั้นเคลือบแก้ว และก็สูตรน้ำยาของแต่ละยี่ห้อนั้นและครับ อีกอย่างก็คือมูลค่าก็จะแตกต่างกันไปแต่ละระดับของความหนานะครับ แต่ที่การกำหนดปัจจุบันคือรุ่น 7H และ9H ครับ
ทำไมเราจึงควรเคลือบแก้วสีรถ ลองมาดูคุณค่า และข้อดีของการ เคลือบแก้ว กันบ้าง
ทำให้รถคุณเงางามอยู่สม่ำเสมอ แต่จะไม่แวววับขนาดเหมือนกระจกครับ บางครั้งความหนาของชั้นเคลือบแก้วก็ทำให้การตกกระทบของแสงน้อยไปหรือเพี้ยนไปทำให้รถดูไม่ค่อยเงาเหมือนตอนที่เคลือบใหม่ๆ
ปกป้องรักษาสีรถคุณจากแสงแดดได้ดี เพราะชั้นของการเคลือบแก้ว (http://www.diamondclass.co.th/)จะช่วยสะท้อนรังสียูวีทำให้สีรถไม่ซีดจางเร็ว  รถคุณก็จะยืดระยะเวลาของการเสื่อมสภาพของสีรถไปอีก สีก็จะไม่ค่อยหม่นเร็วนั้นแหละครับ
เช็ดฝุ่นละออง เช็ดคราบสกปรก คราบไคลน้ำ คราบมูลนก ยางมะตอย ออกได้ไม่ยาก ถ้าเคลือบแก้วแล้วคราบต่างๆพวกนี้จะไม่เข้าไปฝังแน่นในชั้นของแล็คเกอร์รถ ทำให้หลุดออกง่ายเวลาทำความงดงาม แต่ไม่ใช่เห็นว่ารถเคลือบแก้วมาแล้วปล่อยไว้ก่อนแล้วค่อยทำความสะอาดทำความสะอาด อันนี้ไม่ถูกต้องนะครับ คราบสกปรกสามารถฝังเข้าไปได้เหมือนกัน แต่มันใช้เวลาและยากลำบากหน่อยเท่านั้นเอง เพราะน้ำยาเคลือบแก้วไม่ได้แข็งเหมือนแก้วเหมือนกระจกนะครับ เขาวิวัฒน์ให้มีความยืดหยุ่นของน้ำยาเคลือบด้วย ไม่อย่างนั้นเคลือบไปบนรถชั้นเคลือบก็จะแตกนะครับ
ป้องกันการเกิดรอยขนแมว รอยขีดข่วน ได้มากกว่าปกติ บางคนเข้าใจผิดว่าไปเคลือบมาแล้ว รถต้องไม่เป็นรอยเวลาโดนเฉี่ยว โดนสะเก็ดหิน หรือกิ่งไม้เกี่ยว มีโอกาสเป็นรอยได้ครับ แต่ยากกว่าปกติมากหน่อยเท่านั้นเองครับ ดังนั้นหลังเคลือบแก้วแล้วจึงต้องมีการป้องกันเป็นระยะๆ ทุกๆ3-6 เดือน ด้วยการเติมน้ำยาสูตรReload  ก็จะทำการเคลือบไม่ยากขึ้นและประหยัดงบประมาณ ทุ่นเวลาอีกด้วยครับ