witlzx258
February 23rd, 2016, 10:16
กรรมวิธีเลือกบริษัทรถทัวร์
ผู้สนใจเช่ารถทัวร์ควรดูภาพลักษณ์ชื่อเสียงของบริษัท ว่าน่าศรัทธาหรือไม่ ควรตรวจสอบการให้บริการของบริษัทรถก่อน โดยควรตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังจนถึงสมัยปัจจุบัน จากสื่อมวลชนหรือที่ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ จากเพื่อนฝูงที่มีประสบการณ์ตรง โดยพิจารณาให้รอบด้าน เช่น สถิติอุบัติเหตุ คุณภาพของการให้บริการ การให้ข้อมูลที่ชัดเจน การประสานงานและการอำนวยความสบายที่ดี มีหลักพิจารณาดังนี้
1.ควรเช่ากับบริษัทรถทัวร์โดยตรง
กล่าวคือไม่ควรติดต่อผ่านพ่อค้าคนกลาง บริษัทจัดทัวร์ หรือออแกไนซ์ แต่ควรติดต่อเช่ารถทัวร์โดยตรงกับบริษัทรถซึ่งจะมีรถเป็นของตนเอง ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ลูกค้าสามารถโทรศัพท์ ส่งเอกสารทางแฟกซ์ อีเมล์หรือติดต่อผ่านหน้าเว็บไซต์ เพื่อไถ่ถามกับทางบริษัทรถโดยตรง ซึ่งท่านจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับรถ ได้ถูกต้อง รวดเร็วและแม่นยำ
2.ประเภทรถทัวร์ (http://www.thanatwit.com)
โดยทั่วไปรถทัวร์นำเที่ยว มีหลายแบบหลายประเภท ส่วนใหญ่มีให้บริการแบบรถชั้นเดียว (หรือชั้นครึ่ง) จะมีขนาดที่นั่ง 30-40 ที่นั่ง และแบบรถสองชั้นที่มักนิยมใช้กัน จะมีที่นั่ง 40 ที่นั่งขึ้นไปถึง 50 ที่นั่ง ลูกค้าสามารถเลือกรถที่เหมาะแก่การเดินทางหรือใช้สำหรับทำกิจกรรมต่างๆบนรถได้ตามความพอดี หากเดินทางระยะไกลควรเลือกรถที่มีสมรรถนะดี (รถนำเข้า) ซึ่งจะที่ดีกว่ารถประกอบทั่วไป ซึ่งมีการทรงตัวที่ดีกว่า มีระบบเบรกABS ระบบชะลอความเร็ว ซึ่งเหมาะกับการขึ้นลงทางลาดชัน เป็นต้น
3.การรับประกัน
รถทัวร์ที่ท่านเช่าจะต้องผ่านการทดสอบสภาพโดยถูกกฎหมาย และมีสภาพเพียบพร้อมพร้อมใช้งาน ผ่านการอนุมัติจากกรมการขนส่งทางบก ที่สำคัญท่านควรมีโอกาสตรวจสอบรถ ก่อนที่จะเช่าหรือว่าจ้าง และถ้าเป็นไปได้ให้ขอทะเบียนรถคันนั้น เพื่อนำไปตรวจสอบกับกรมการขนส่งทางบกก่อน จะได้ทราบในเบื้องต้นว่า รถคันนั้นจดทะเบียนถูกต้องตามกฎปฏิบัติหรือไม่ ขาดต่อภาษีรถประจำปีหรือไม่ ถ้าหากขาดต่อภาษีรถประจำปีก็แสดงว่า รถคันนั้นไม่ผ่านการตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษี นอกจากนี้บริษัทรถที่ได้เกณฑ์จะมีการทำความสะอาดภายในรถ เช่น เบาะ ผ้าม่าน ระบบแอร์ ฯลฯ อย่างตลอดเวลา หรืออย่างน้อย 3-6 เดือนต่อครั้งครั้ง และบริษัทรถ ควรมีหนังสือการรับรองการทดสอบความเอียงของรถ ทุกคันตามมาตรฐานกรมการขนส่งทางบกด้วย นอกจากนี้บริษัทรถ ที่ดีควรมีมาตรการยืนยันหรือรับประกัน กรณีรถหมดสภาพ หรือเกิดเหตุขัดข้องไม่สามารถให้บริการได้ บริษัทรถจะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบอย่างชัดแจ้ง ถึงมาตรการการจัดการรวมทั้งการรับผิดชอบชดเชยความเสียหายในรูปแบบต่างๆ
4.ประกันภัย
ผู้เช่าควรตรวจสอบว่ารถทัวร์ที่ให้บริการมีการทำประกันภัยประเภทอื่นๆให้กับผู้โดยสารที่ นอกเหนือ จาก พ.ร.บ. คุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากรถหรือไม่ ตามปกติบริษัทรถควรจะต้องมีประกันภัยคุ้มครองผู้โดยสารเฉพาะและจะต้องมีการบอกกล่าวรายละเอียดที่ทางบริษัทรถมีให้กับผู้เช่าทุกคนที่เดินทางในรถทัวร์คันนั้น ว่าตนจะได้รับความปกปักรักษาแบบใด ในกรณีใดบ้าง
5.ระบบความปลอดภัย
รถทัวร์นำเที่ยวที่ควรเลือกใช้บริการ ควรมีอุปกรณ์ฉุกเฉินติดตั้งในบริเวณที่เห็นได้ชัดเจนและมีระบบรักษาความปลอดภัย เช่น ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก เข็มขัดนิรภัย ประตูทางออกฉุกเฉิน กล้องวงจรปิดแบบบันทึกได้ภายในรถเป็นต้น
6.การใช้บริการรถทัวร์
คนโดยสารควรทราบกฎหมายของการใช้บริการเบื้องต้นเพื่อใช้วางแผนในการเดินทางและแจ้งให้คณะทัวร์ทราบล่วงหน้าเผื่อจะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เช่น กรมการขนส่งได้ออกกฎหมายในการขับขี่รถไม่ว่าจะเป็น การจำกัดความเร็วในการขับขี่อยู่ที่ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (บริษัทรถที่ดีควรมีการติดตั้ง GPS เพื่อจำกัดความเร็วของรถและติดตามยานพาหนะ) คนโดยสารจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกทีขณะอยู่บนรถ พนักงานขับรถหากใช้ระยะเวลาขับรถต่อเนื่องนาน 4 ชั่วโมง จะต้องหยุดพักอย่างน้อย 30 นาที ก่อนออกเดินทางต่อ ห้ามผู้โดยสารดื่มของมึนเมา เสพยาเสพติดหรือเล่นการพนันบนรถ เป็นต้น
ก่อนท่านจะเช่ารถทัวร์ ควรพิจารณาคุณสมบัติของบริษัทรถทั้ง 6 ข้อนี้
ผู้สนใจเช่ารถทัวร์ควรดูภาพลักษณ์ชื่อเสียงของบริษัท ว่าน่าศรัทธาหรือไม่ ควรตรวจสอบการให้บริการของบริษัทรถก่อน โดยควรตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังจนถึงสมัยปัจจุบัน จากสื่อมวลชนหรือที่ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ จากเพื่อนฝูงที่มีประสบการณ์ตรง โดยพิจารณาให้รอบด้าน เช่น สถิติอุบัติเหตุ คุณภาพของการให้บริการ การให้ข้อมูลที่ชัดเจน การประสานงานและการอำนวยความสบายที่ดี มีหลักพิจารณาดังนี้
1.ควรเช่ากับบริษัทรถทัวร์โดยตรง
กล่าวคือไม่ควรติดต่อผ่านพ่อค้าคนกลาง บริษัทจัดทัวร์ หรือออแกไนซ์ แต่ควรติดต่อเช่ารถทัวร์โดยตรงกับบริษัทรถซึ่งจะมีรถเป็นของตนเอง ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ลูกค้าสามารถโทรศัพท์ ส่งเอกสารทางแฟกซ์ อีเมล์หรือติดต่อผ่านหน้าเว็บไซต์ เพื่อไถ่ถามกับทางบริษัทรถโดยตรง ซึ่งท่านจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับรถ ได้ถูกต้อง รวดเร็วและแม่นยำ
2.ประเภทรถทัวร์ (http://www.thanatwit.com)
โดยทั่วไปรถทัวร์นำเที่ยว มีหลายแบบหลายประเภท ส่วนใหญ่มีให้บริการแบบรถชั้นเดียว (หรือชั้นครึ่ง) จะมีขนาดที่นั่ง 30-40 ที่นั่ง และแบบรถสองชั้นที่มักนิยมใช้กัน จะมีที่นั่ง 40 ที่นั่งขึ้นไปถึง 50 ที่นั่ง ลูกค้าสามารถเลือกรถที่เหมาะแก่การเดินทางหรือใช้สำหรับทำกิจกรรมต่างๆบนรถได้ตามความพอดี หากเดินทางระยะไกลควรเลือกรถที่มีสมรรถนะดี (รถนำเข้า) ซึ่งจะที่ดีกว่ารถประกอบทั่วไป ซึ่งมีการทรงตัวที่ดีกว่า มีระบบเบรกABS ระบบชะลอความเร็ว ซึ่งเหมาะกับการขึ้นลงทางลาดชัน เป็นต้น
3.การรับประกัน
รถทัวร์ที่ท่านเช่าจะต้องผ่านการทดสอบสภาพโดยถูกกฎหมาย และมีสภาพเพียบพร้อมพร้อมใช้งาน ผ่านการอนุมัติจากกรมการขนส่งทางบก ที่สำคัญท่านควรมีโอกาสตรวจสอบรถ ก่อนที่จะเช่าหรือว่าจ้าง และถ้าเป็นไปได้ให้ขอทะเบียนรถคันนั้น เพื่อนำไปตรวจสอบกับกรมการขนส่งทางบกก่อน จะได้ทราบในเบื้องต้นว่า รถคันนั้นจดทะเบียนถูกต้องตามกฎปฏิบัติหรือไม่ ขาดต่อภาษีรถประจำปีหรือไม่ ถ้าหากขาดต่อภาษีรถประจำปีก็แสดงว่า รถคันนั้นไม่ผ่านการตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษี นอกจากนี้บริษัทรถที่ได้เกณฑ์จะมีการทำความสะอาดภายในรถ เช่น เบาะ ผ้าม่าน ระบบแอร์ ฯลฯ อย่างตลอดเวลา หรืออย่างน้อย 3-6 เดือนต่อครั้งครั้ง และบริษัทรถ ควรมีหนังสือการรับรองการทดสอบความเอียงของรถ ทุกคันตามมาตรฐานกรมการขนส่งทางบกด้วย นอกจากนี้บริษัทรถ ที่ดีควรมีมาตรการยืนยันหรือรับประกัน กรณีรถหมดสภาพ หรือเกิดเหตุขัดข้องไม่สามารถให้บริการได้ บริษัทรถจะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบอย่างชัดแจ้ง ถึงมาตรการการจัดการรวมทั้งการรับผิดชอบชดเชยความเสียหายในรูปแบบต่างๆ
4.ประกันภัย
ผู้เช่าควรตรวจสอบว่ารถทัวร์ที่ให้บริการมีการทำประกันภัยประเภทอื่นๆให้กับผู้โดยสารที่ นอกเหนือ จาก พ.ร.บ. คุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากรถหรือไม่ ตามปกติบริษัทรถควรจะต้องมีประกันภัยคุ้มครองผู้โดยสารเฉพาะและจะต้องมีการบอกกล่าวรายละเอียดที่ทางบริษัทรถมีให้กับผู้เช่าทุกคนที่เดินทางในรถทัวร์คันนั้น ว่าตนจะได้รับความปกปักรักษาแบบใด ในกรณีใดบ้าง
5.ระบบความปลอดภัย
รถทัวร์นำเที่ยวที่ควรเลือกใช้บริการ ควรมีอุปกรณ์ฉุกเฉินติดตั้งในบริเวณที่เห็นได้ชัดเจนและมีระบบรักษาความปลอดภัย เช่น ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก เข็มขัดนิรภัย ประตูทางออกฉุกเฉิน กล้องวงจรปิดแบบบันทึกได้ภายในรถเป็นต้น
6.การใช้บริการรถทัวร์
คนโดยสารควรทราบกฎหมายของการใช้บริการเบื้องต้นเพื่อใช้วางแผนในการเดินทางและแจ้งให้คณะทัวร์ทราบล่วงหน้าเผื่อจะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เช่น กรมการขนส่งได้ออกกฎหมายในการขับขี่รถไม่ว่าจะเป็น การจำกัดความเร็วในการขับขี่อยู่ที่ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (บริษัทรถที่ดีควรมีการติดตั้ง GPS เพื่อจำกัดความเร็วของรถและติดตามยานพาหนะ) คนโดยสารจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกทีขณะอยู่บนรถ พนักงานขับรถหากใช้ระยะเวลาขับรถต่อเนื่องนาน 4 ชั่วโมง จะต้องหยุดพักอย่างน้อย 30 นาที ก่อนออกเดินทางต่อ ห้ามผู้โดยสารดื่มของมึนเมา เสพยาเสพติดหรือเล่นการพนันบนรถ เป็นต้น
ก่อนท่านจะเช่ารถทัวร์ ควรพิจารณาคุณสมบัติของบริษัทรถทั้ง 6 ข้อนี้