PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ทำไมธุรกิจข้าวกล่องถึงโตไวในปัจจุบัน



mussy031
August 1st, 2014, 16:05
ทำไมธุรกิจข้าวกล่องถึงขายดีในปัจจุบัน
 

http://s8.postimg.org/4hwmdbw8l/image.jpg








 
เนื่องด้วยสังคมไทยในปัจจุบันโดยเฉพาะกลุ่มคนเมืองมักมีชีวิตที่เร่งรีบ การดำนินชีวิตประจำวันต้องแข่งขันกับเวลาตลอดเวลา ซึ่งอยู่ในยุคของการแข่งขัน  รีบแม้กระทั่งเวลาทาน ซึ่งการกินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละหนึ่งวัน





การกิน ที่ดีต้องรู้จักทาน อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนและมีประโยชน์และที่สำคัญต้องรับประทาน ให้ครบ 5 หมู่ และต้องมีความพิถีพิถันในการเลือกรับประทาน อาหารอย่างมาก แต่ด้วยวิถีชีวิตของคนในปัจจุบันซึ่งต้องแข่งขันกับเวลา จึงอาศัยความสะดวกสบายเป็นส่วนใหญ่  โดยการเลือกบริโภค ข้าวกล่อง ซึ่งประหยัดทั้งเวลา เงิน เพราะว่าไม่ต้องตื่นเช้ามานั่งทำกับข้าว ไม่ต้องไปจ่ายตลาด ไม่ต้องทนร้อนอยู่หน้าเตา ไม่ต้องอาบน้ำหลังทำอาหารเสร็จ เพียงแค่เดินไปร้านสะดวกซื้อหรือร้านข้าวแกงที่ทำข้าวกล่องริมทาง เพียงแค่หยิบเงินจ่ายค่าข้าวกล่อง แล้วก็เดินถือถุงข้าวกล่องไปที่ทำงานหรือสถานที่ต้องการไป เมือถึงเวลาทาน ก็หยิบข้าวกล่องออกมา เปิดฝา เตรียมช้อนส้อมทานได้เลย ทาน เสร็จก็ไม่ต้องล้างทำความสะอาด เพียงแค่หยิบข้าวกล่องแล้วเดินไปทิ้งถังขยะ เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้ว ไม่ต้องไปเสียเวลายุ่งยากในการเช็ดล้างทำสะอาดเก็บนุ่นนี่นั่น สามารถกลับไปทำงานต่อได้อย่างสบายใจและเหลือเวลาพักผ่อนอีกมากมาย  

แต่คุณรู้หรือไม่ว่า เพราะความสะดวกสบายและความเคยชินของคุณนี่เอง สามารถส่งผลร้ายต่อคุณได้ เพราะเราไม่รู้ว่าวัตถุดิบที่อยู่ในข้าวกล่อง และกระบวนการผลิตเป็นเช่นไร  คุณมั่นใจดีแล้วหรือว่าร้านข้าวกล่องที่คุณให้ความไว้วางใจ จะเลือกวัตถุดิบที่ดีปลอดสารพิษ และผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่วัตถุกันเสีย อุปกรณ์และสถานที่ที่ใช้ทำข้าวกล่องล่ะเป็นอย่างไร? หลายคนหลายท่านคงบอกว่า ฉันจะไปรู้ได้อย่างไงก็ฉันไม่ได้ไปทำด้วยนี่  แต่คุณอย่าลืมสิคะว่าอาหารหรือข้าวทุกคำทุกเม็ดที่คุณกิน เข้าไปล้วนแล้วแต่มีผลต่อคุณทั้งสิ้นไม่ว่าเป็นผลดีและผลเสีย  ดังนั้นคุณเลือกกิน ทั้งที ทำไมไม่เลือกบริโภค เลือกรับแต่สิ่งดีๆเข้าร่างกายล่ะ คุณต้องให้รางวัลกับตัวเองเพราะคุณเหนื่อยกับการทำงานมามากพอแล้ว มันไม่เสียเวลามากหรอกค่ะ แต่จะเสียเวลามากกกว่าถ้าคุณไม่สบายต้องใช้จ่ายเงินมากกว่าปกติและไม่ได้ทำงานด้วย  เสียเงินแถมยังเสียเวลาอีกต่างหาก  ดังนั้นคุณเลือกรับแต่สิ่งที่ดีๆเข้าสู่ร่างกายเพื่อให้รางวัลแก่ตัวเอง ถ้าร่างกายเราดี เราก็จะมีความสุข แม้จะเป็นเพียงข้าวกล่องธรรมดาๆ ก็เถอะ
มาต่อกันเลยค่ะ เรื่องข้าวกล่องยังไม่จบเพียงเท่านี้นะคะ มาติดตามต่อกันเลย

เหตุใดคนจึงนิยมกินข้าวกล่อง (http://3minutesfood.com/sm_11700_52473_%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B8%81-%28Meal-Box%29.htm)บรรจุด้วยกล่องโฟม

ข้าวกล่องส่วนมากจะบรรจุด้วยกล่องโฟมใช่ไหมคะ?

ส่วนมากคนจะนิยมกินข้าวกล่องที่บรรจุกล่องโฟมใช่ไหมคะ? 

ด้วยราคาที่ถูกกว่าร้านสะดวกซื้อทั่วไปใช่ไหมคะ?

แถมยังมีความสะดวกรวดเร็วและมีอาหารให้เลือกหลากหลายมากกว่าใช่ไหมคะ?

ส่วนมากร้านแบนี้จะตั้งอยู่ริมฟุตบาท ตามท้องถนนใช่ไหมคะ?

แล้วคุณทราบมั้ยคะว่ากล่องโฟมมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย?

ซึ่ง นพ.วีรฉัตร กิตติรัตนไพบูลย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ บริษัทบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความรู้    ว่า กล่องโฟมที่ใช้ตามท้องตลาดทั่วไป (Styrofoam) เป็นของเสียเหลือทิ้งสีดำ ๆ จากกระบวนการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ประกอบด้วยสารสไตรีน (Styrene) มีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในเพศหญิง

   อาหารตามสั่งที่บรรจุกล่องโฟม จึงเป็นแหล่งสะสมสารสไตรีน ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ทำให้สมองมึนงง สมองเสื่อมง่ายหงุดหงิดง่าย มีผลทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ และเป็นสารก่อมะเร็งอีก 3 ชนิด ถ้าเป็นผู้ชายรับประทานเข้าไปมาก ๆ มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ขณะที่เพศหญิงมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม และทั้งสองเพศมีโอกาสสูงต่อการเป็นมะเร็งตับ แม้จะไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำก็ตาม

  สำหรับสไตรีน ถือเป็นสารอันตรายที่สหรัฐฯ เพิ่งประกาศขึ้นบัญชีสารก่อมะเร็ง หญิงมีครรภ์ที่รับประทานอาหารบรรจุในกล่องโฟม ลูกมีโอกาสสมองเสื่อมเป็นเอ๋อ อวัยวะบางส่วนพิการ  ส่วนคนทั่วไปถ้ารับประทานข้าวกล่องโฟมทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 มื้อ ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งสูงกว่าคนปกติถึง 6 เท่า
 
   ทั้งนี้ ผู้บริโภคมีโอกาสได้รับสารสไตรีนในข้าวกล่องโฟมได้ง่ายถึง 5 ปัจจัยได้แก่
 
1. อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นหรือเย็นลง ทำให้สไตรีนซึมเข้าสู่อาหารได้สูง
2. ถ้าปรุงข้าวกล่องโดยใส่น้ำมัน น้ำส้มสายชูแอลกอฮอล์ จะดูดสารสไตรีนจากกล่องโฟมได้มากกว่าปกติ
3. ถ้าซื้อข้าวกล่องทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ได้รับประทาน อาหารจะดูดสารสไตรีนได้มาก
4. ถ้านำข้าวกล่องที่บรรจุโฟมเข้าไมโครเวฟ สไตรีนจะไหลออกมาในปริมาณมาก
5. ถ้าอาหารสัมผัสพื้นที่ผิวกล่องโฟมมาก ๆ รวมถึงร้านไหนตัดถุงพลาสติกใสรองข้าวกล่อง ขอบอกว่าได้รับสารก่อมะเร็ง 2 เด้ง ทั้งสไตรีนและไดออกซินจากถุงพลาสติกเลยทีเดียว
 
นพ.วีรฉัตร กล่าวเตือนด้วยว่า อาหารตามสั่งหรือข้าวราดแกงกับไข่ดาวหรือไข่เจียวร้อน ๆ อาจจะไปละลายผนังกล่องโฟม เสมือนรับประทานข้าวกล่องคลุกสไตรีนไปด้วย ถึงกระนั้นไข่ดิบที่วางขายในแผงไข่พลาสติก สารสไตรีนมีโอกาสวิ่งเข้าในเปลือกไข่ได้เช่นกัน  ถ้าเลือกไข่ดิบควรเลือกซื้อจากแผงไข่กระดาษจะปลอดภัยที่สุด

  คุณไม่ควรระวังเพียงแค่เรื่องสารมะเร็งแต่ควรระวังฝุ่นที่เกาะบนอาหารด้วยนะคะ อันนี้สังเกตง่ายสุดเลย ก่อนจะซื้อหรือกินสิ่งใดควรตรวจสอบและเลือกสิ่งที่สะอาดและมีประโยชน์ต่อตนเองด้วยนะคะ ทุกๆคนคงทราบแล้วนะคะว่าทำไมธุรกิจข้าวกล่องในปัจจุบันทำไมถึงโตเร็ว เพราะความสะดวกสบายและวิถีชีวิตที่เร่งรีบนั่นเองค่ะ นอกจากเราจะทราบเรื่องแล้วยังมีอีกเรื่องคืออันตรายจากกล่องโฟมอีกนะคะ ทางที่ดีเพื่อนๆควรหลีกเหลี่ยงข้าวกล่องที่ใส่กล่องโฟมนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของเรา