teerapon12
November 12th, 2014, 09:03
โลกของเราในยุคปัจจุบันนี่มีโรคภัยไข้เจ็บมากเหลือเกิน โดยเฉพาะโรคระบาด และล่าสุดที่กำลังระบาดหนักอยู่ตอนนี้ ก็คือ โรคไวรัสอีโบล่า
โรคไวรัสอีโบลา (แต่แรกเรียกกันว่าโรคไข้เลือดออกอีโบลา) เป็นโรคที่มักจะรุนแรงถึงชีวิต โรคนี้พบในคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อาทิเช่น ลิง กอริลลาและชิมแพนซี
โรคไวรัสอีโบลาเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2519 โดยมีการระบาดเกิดขึ้นสองแห่งในเวลาเดียวกัน แห่งหนึ่งที่หมู่บ้านริมแม่น้ำอีโบลาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
และอีกแห่งหนึ่งที่เขตห่างไกลของประเทศซูดาน ไวรัสนี้มาจากไหนยังไม่ทราบแน่ชัด แต่จากหลักฐานเท่าที่มีเชื่อกันว่าค้างคาวผลไม้ (Pteropodidae) น่าจะเป็นแหล่งรังโรคของไวรัสอีโบลา
ในขณะนี้อีโบลาไวรัส (ebola virus) กำลังเป็นที่จับตามองของแพทย์ทั่วโลก เนื่องจากมีรายงานการระบาดหนักในปีนี้ และได้คร่าชีวิตผู้ป่วยชาวแอฟริกันไปหลายร้อยราย
เชื้ออีโบลาไวรัสเป็นไวรัสอันตรายที่ติดต่อในคนและในสัตว์ และอาจทำให้ผู้ติดเชื้อนั้นเสียชีวิต โดยมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 60-90% ในปัจจุบันก็ยังไม่มีทางรักษาและยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
ก่อนหน้านี้มีรายงานการระบาดเฉพาะในทวีปแอฟริกาโดยเริ่มมีการระบุเชื้อได้จากการตรวจทางห้องปฏิบัติการตั้งแต่ปี ค.ศ.19671 ล่าสุด (ค.ศ.2014)
ได้มีรายงานการระบาดหนักเกิดที่ไลบีเรีย, กีเนียและเซียราลีโอน ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่บริเวณตะวันตกของทวีปแอฟริกา
การติดต่อ :ไวรัสนี้สามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย เช่น เลือด น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย ของใช้ของผู้ป่วย หรือสัตว์ที่ป่วย รวมทั้งการนำสัตว์ที่ป่วยมาทำเป็นอาหาร
โดยผ่านทางเยื่อบุในปากและทางเดินอาหาร (mucous membrane),เยื่อบุตา (conjunctiva) และรอยแยกหรือแผลบนผิวหนัง ระยะที่เกิดการติดต่อได้เริ่มตั้งแต่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการนำ
(ประมาณ 7 วัน) ซึ่งในระยะนี้ยังจัดเป็นความเสี่ยงต่ำ การติดต่อจะติดได้ง่ายขึ้นเมื่อผู้ป่วยเข้าสู่ระยะท้ายของโรค
อาการของโรค และระยะฟักตัว : ระยะฟักตัวโดยประมาณ 2 – 21 วัน ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาจะมีไข้สูงกะทันหัน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และเจ็บคอ ตามด้วยอาการ อ้วก ท้องเสีย
และมีผื่นนูนแดงตามตัว (maculopapular rash) ในรายที่มีอาการวิกฤตและเสียชีวิต จะพบมีเลือดออกง่าย โดยเกิดทั้งเลือดออกภายในและภายนอกร่างกาย (internal and external bleeding)
มักเกิดร่วมกับภาวะตับถูกทำลาย ไตวาย หรือก่อให้เกิดอาการของระบบประสาทส่วนกลาง ช็อก และถึงแก่ชีวิตได้
การรักษา : ไม่มีการรักษาจําเพาะ ในรายที่มีอาการวิกฤติต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ให้สารนํ้าอย่างเพียงพอ
การควบคุมการระบาด : แยกผู้ป่วยต้องสงสัยจากผู้ป่วยอื่นๆ และเฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิด ใช้มาตรการ ป้องกันการติดเชื้อในสถานพยาบาลอย่างเคร่งครัด รวมถึงดําเนินการให้ความรู้แก่ชุมชนอย่างเหมาะสมและรวดเร็ว
การป้องกันโรค : หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่า ทั้งที่ป่วยหรือไม่ป่วย
หลีกเลี่ยงการรับประทานสัตว์ป่าที่ป่วยตายโดยไม่รู้สาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์จําพวก ลิง หรือค้างคาว หรืออาหารเมนูพิสดารที่ใช้สัตว์ป่า หรือสัตว์แปลกๆ มาทำอาหาร
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง ตัวอย่างเช่น เลือด หรือสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วยที่อาจปนเปื้อนกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย หรือศพของผู้ป่วยที่เสียชีวิต
หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย ถ้าหากมีความจําเป็นให้สวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย และล้างมือบ่อยๆหากมีอาการเริ่มป่วย อย่าง มีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ
เจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงตามตัว ให้รีบพบแพทย์ทันที
ไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่นอนหรือคู่รัก หมั่นล้างมือ ด้วยนํ้าและสบู่ให้สะอาด ไม่ล้วงแคะแกะเกาจมูก และขยี้ตา ด้วยมือที่ยังไม่ได้ล้างให้สะอาด
พยายามทำความสะอาดบ้านและสถานที่อยู่ให้สะอาดอยู่เสมอ อย่างเช่น ใช้ เครื่องพ่นULV (http://www.xn--42cai6eb1a7azbzc5b7czfxed.net/) สำหรับพ่นฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อไว้รัส หรือใช้พ่นฆ่าแมลงซึ่งเป็นพาหะนำโรค เช่นยุง แมลงบินและแมลงคลานในสถานที่ต่างๆ
อย่าง อาคารบ้านเรือน,โกดัง,สถานที่,โรงงาน,โฮเต็ล,โรงพยาบาล,ฟาร์มเลี้ยงสัตว์,เครื่องบิน,รถยนต์, เป็นต้น
เครื่องพ่นULV เหมาะกับการพ่นในทุกอาณาบริเวณ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เพื่อการฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย รวมไปถึงงานกำจัดแมลงชนิดต่างๆ
งานฆ่าเชื้อไวรัสและควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดนก (H1N1) การฆ่าเชื้อและป้องกันการระบาดของโรคหลังจากเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ อย่างเช่น น้ำท่วม, แผ่นดินไหว เป็นต้น งานฆ่าเชื้อและการกำจัดแมลง
ในโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร,โรงพยาบาล, ฟาร์มสัตว์, สถานที่เรียน, ห้างสรรพสินค้า, บ้านพักอาศัย ฯลฯ เครื่องพ่นULV ใช้พ่นฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียในยานพาหนะต่างๆได้ เช่น เครื่องบิน, รถไฟ, เรือขนส่งสินค้า, รถยนต์ และอื่นๆ
เครื่องพ่นULV มีระยะการพ่นละอองเคมีได้ไกลถึง 10 เมตร สามารถปรับขนาดของละอองฝอยได้ง่าย โดยการหมุนปรับที่หัวพ่นของตัวเครื่องพ่นULV ตัวเครื่องพ่นULVเหมาะสำหรับการพ่นในทุกพื้นที่
เครื่องพ่นULV สามารถพ่นได้ทั้งภายนอกอาคารและภายในอาคาร ท่อพ่นลักษณะเป็นงวงช้าง เหมาะสำหรับการเข้าถึงในพื้นที่แคบๆ
เครื่องพ่นULV ผลิตจากประเทศเกาหลี นำเข้าโดยบริษัท เอ็นริชฟ็อกเกอร์ (http://www.xn--42cga5eyazd4f6dp3f1ed.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2) จำกัด ศูนย์รวมในการจำหน่ายเครื่องพ่นหมอกควันพ่นยุงและแมลงชนิดต่างๆ เครื่องพ่นULV นำเข้าโดยตรง และไม่ผ่านเอเย่นใดๆ
ทนทาน คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพเครื่อง เอ็นริช ฟ็อกเกอร์ ชำนิชำนาญและมีประสบการณ์ทางด้านนำเข้า
เครื่องพ่นหมอกควัน (http://www.xn--42cga5eyazd4f6dp3f1ed.com/%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81), เครื่องพ่นULV สำหรับพ่นฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อไว้รัส และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้กำจัดยุงและแมลง
มาตรฐานสากลและตรงกับการกำจัดแมลงชนิดต่างๆ มากกว่านั้น ยังเป็นผู้นำเข้าโดยตรงเกี่ยวกับเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆจากทั่วโลกที่ได้มาตรฐานที่เชื่อถือได้และมี International System Organization (ISO)
และได้หนังสือรับรองจากทางรัฐบาล ว่ามีประสิทธิภาพในขั้นตอนการผลิตและการ QC สินค้า เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อังกฤษ เยอรมัน อิตาลี เกาหลี สิงคโปร์ และ ประเทศจีน
โรคไวรัสอีโบลา (แต่แรกเรียกกันว่าโรคไข้เลือดออกอีโบลา) เป็นโรคที่มักจะรุนแรงถึงชีวิต โรคนี้พบในคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อาทิเช่น ลิง กอริลลาและชิมแพนซี
โรคไวรัสอีโบลาเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2519 โดยมีการระบาดเกิดขึ้นสองแห่งในเวลาเดียวกัน แห่งหนึ่งที่หมู่บ้านริมแม่น้ำอีโบลาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
และอีกแห่งหนึ่งที่เขตห่างไกลของประเทศซูดาน ไวรัสนี้มาจากไหนยังไม่ทราบแน่ชัด แต่จากหลักฐานเท่าที่มีเชื่อกันว่าค้างคาวผลไม้ (Pteropodidae) น่าจะเป็นแหล่งรังโรคของไวรัสอีโบลา
ในขณะนี้อีโบลาไวรัส (ebola virus) กำลังเป็นที่จับตามองของแพทย์ทั่วโลก เนื่องจากมีรายงานการระบาดหนักในปีนี้ และได้คร่าชีวิตผู้ป่วยชาวแอฟริกันไปหลายร้อยราย
เชื้ออีโบลาไวรัสเป็นไวรัสอันตรายที่ติดต่อในคนและในสัตว์ และอาจทำให้ผู้ติดเชื้อนั้นเสียชีวิต โดยมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 60-90% ในปัจจุบันก็ยังไม่มีทางรักษาและยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
ก่อนหน้านี้มีรายงานการระบาดเฉพาะในทวีปแอฟริกาโดยเริ่มมีการระบุเชื้อได้จากการตรวจทางห้องปฏิบัติการตั้งแต่ปี ค.ศ.19671 ล่าสุด (ค.ศ.2014)
ได้มีรายงานการระบาดหนักเกิดที่ไลบีเรีย, กีเนียและเซียราลีโอน ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่บริเวณตะวันตกของทวีปแอฟริกา
การติดต่อ :ไวรัสนี้สามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย เช่น เลือด น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย ของใช้ของผู้ป่วย หรือสัตว์ที่ป่วย รวมทั้งการนำสัตว์ที่ป่วยมาทำเป็นอาหาร
โดยผ่านทางเยื่อบุในปากและทางเดินอาหาร (mucous membrane),เยื่อบุตา (conjunctiva) และรอยแยกหรือแผลบนผิวหนัง ระยะที่เกิดการติดต่อได้เริ่มตั้งแต่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการนำ
(ประมาณ 7 วัน) ซึ่งในระยะนี้ยังจัดเป็นความเสี่ยงต่ำ การติดต่อจะติดได้ง่ายขึ้นเมื่อผู้ป่วยเข้าสู่ระยะท้ายของโรค
อาการของโรค และระยะฟักตัว : ระยะฟักตัวโดยประมาณ 2 – 21 วัน ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาจะมีไข้สูงกะทันหัน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และเจ็บคอ ตามด้วยอาการ อ้วก ท้องเสีย
และมีผื่นนูนแดงตามตัว (maculopapular rash) ในรายที่มีอาการวิกฤตและเสียชีวิต จะพบมีเลือดออกง่าย โดยเกิดทั้งเลือดออกภายในและภายนอกร่างกาย (internal and external bleeding)
มักเกิดร่วมกับภาวะตับถูกทำลาย ไตวาย หรือก่อให้เกิดอาการของระบบประสาทส่วนกลาง ช็อก และถึงแก่ชีวิตได้
การรักษา : ไม่มีการรักษาจําเพาะ ในรายที่มีอาการวิกฤติต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ให้สารนํ้าอย่างเพียงพอ
การควบคุมการระบาด : แยกผู้ป่วยต้องสงสัยจากผู้ป่วยอื่นๆ และเฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิด ใช้มาตรการ ป้องกันการติดเชื้อในสถานพยาบาลอย่างเคร่งครัด รวมถึงดําเนินการให้ความรู้แก่ชุมชนอย่างเหมาะสมและรวดเร็ว
การป้องกันโรค : หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่า ทั้งที่ป่วยหรือไม่ป่วย
หลีกเลี่ยงการรับประทานสัตว์ป่าที่ป่วยตายโดยไม่รู้สาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์จําพวก ลิง หรือค้างคาว หรืออาหารเมนูพิสดารที่ใช้สัตว์ป่า หรือสัตว์แปลกๆ มาทำอาหาร
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง ตัวอย่างเช่น เลือด หรือสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วยที่อาจปนเปื้อนกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย หรือศพของผู้ป่วยที่เสียชีวิต
หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย ถ้าหากมีความจําเป็นให้สวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย และล้างมือบ่อยๆหากมีอาการเริ่มป่วย อย่าง มีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ
เจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงตามตัว ให้รีบพบแพทย์ทันที
ไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่นอนหรือคู่รัก หมั่นล้างมือ ด้วยนํ้าและสบู่ให้สะอาด ไม่ล้วงแคะแกะเกาจมูก และขยี้ตา ด้วยมือที่ยังไม่ได้ล้างให้สะอาด
พยายามทำความสะอาดบ้านและสถานที่อยู่ให้สะอาดอยู่เสมอ อย่างเช่น ใช้ เครื่องพ่นULV (http://www.xn--42cai6eb1a7azbzc5b7czfxed.net/) สำหรับพ่นฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อไว้รัส หรือใช้พ่นฆ่าแมลงซึ่งเป็นพาหะนำโรค เช่นยุง แมลงบินและแมลงคลานในสถานที่ต่างๆ
อย่าง อาคารบ้านเรือน,โกดัง,สถานที่,โรงงาน,โฮเต็ล,โรงพยาบาล,ฟาร์มเลี้ยงสัตว์,เครื่องบิน,รถยนต์, เป็นต้น
เครื่องพ่นULV เหมาะกับการพ่นในทุกอาณาบริเวณ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เพื่อการฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย รวมไปถึงงานกำจัดแมลงชนิดต่างๆ
งานฆ่าเชื้อไวรัสและควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดนก (H1N1) การฆ่าเชื้อและป้องกันการระบาดของโรคหลังจากเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ อย่างเช่น น้ำท่วม, แผ่นดินไหว เป็นต้น งานฆ่าเชื้อและการกำจัดแมลง
ในโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร,โรงพยาบาล, ฟาร์มสัตว์, สถานที่เรียน, ห้างสรรพสินค้า, บ้านพักอาศัย ฯลฯ เครื่องพ่นULV ใช้พ่นฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียในยานพาหนะต่างๆได้ เช่น เครื่องบิน, รถไฟ, เรือขนส่งสินค้า, รถยนต์ และอื่นๆ
เครื่องพ่นULV มีระยะการพ่นละอองเคมีได้ไกลถึง 10 เมตร สามารถปรับขนาดของละอองฝอยได้ง่าย โดยการหมุนปรับที่หัวพ่นของตัวเครื่องพ่นULV ตัวเครื่องพ่นULVเหมาะสำหรับการพ่นในทุกพื้นที่
เครื่องพ่นULV สามารถพ่นได้ทั้งภายนอกอาคารและภายในอาคาร ท่อพ่นลักษณะเป็นงวงช้าง เหมาะสำหรับการเข้าถึงในพื้นที่แคบๆ
เครื่องพ่นULV ผลิตจากประเทศเกาหลี นำเข้าโดยบริษัท เอ็นริชฟ็อกเกอร์ (http://www.xn--42cga5eyazd4f6dp3f1ed.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2) จำกัด ศูนย์รวมในการจำหน่ายเครื่องพ่นหมอกควันพ่นยุงและแมลงชนิดต่างๆ เครื่องพ่นULV นำเข้าโดยตรง และไม่ผ่านเอเย่นใดๆ
ทนทาน คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพเครื่อง เอ็นริช ฟ็อกเกอร์ ชำนิชำนาญและมีประสบการณ์ทางด้านนำเข้า
เครื่องพ่นหมอกควัน (http://www.xn--42cga5eyazd4f6dp3f1ed.com/%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81), เครื่องพ่นULV สำหรับพ่นฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อไว้รัส และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้กำจัดยุงและแมลง
มาตรฐานสากลและตรงกับการกำจัดแมลงชนิดต่างๆ มากกว่านั้น ยังเป็นผู้นำเข้าโดยตรงเกี่ยวกับเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆจากทั่วโลกที่ได้มาตรฐานที่เชื่อถือได้และมี International System Organization (ISO)
และได้หนังสือรับรองจากทางรัฐบาล ว่ามีประสิทธิภาพในขั้นตอนการผลิตและการ QC สินค้า เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อังกฤษ เยอรมัน อิตาลี เกาหลี สิงคโปร์ และ ประเทศจีน