เทคนิคง่ายๆในการเตรียมเป้เดินทาง

[fullyi24]

ก่อนอื่น เราควรจะคิดถึงสิ่งที่ควรจะเอาใส่เป้เดินทางไปด้วยเวลาไปเดินป่า ว่าน่าจะมีอะไรไปบ้าง ของใช้ที่จำเป็นในการเดินป่าทุกครั้ง พอจะแบ่งออกได้ตามต่างๆ ดังนี้
1. ถุงนอน
2. เต็นท์หรือเปลญวน
3. เสื้อผ้า (ปกติเวลาเดินอยู่ในป่าเรามักจะต้องการแค่ชุดที่ใส่ตอนนอนอีกเพียงชุดเดียว อย่างตอนกลางวันที่เดินป่าก็มักจะใส่ชุดเดิม แต่สำหรับบางคนที่ทนกลิ่นตัวเองไม่ได้ อาจจะเอาเสื้อเผื่อเหลือเผื่อขาดเข้าไปเปลี่ยนในแต่ละวันด้วยก็ได้ – ยิ่งไปกว่านี้ ควรจะจัดชุดต่างหากอีกชุดเอาไว้ใส่ในวันกลับ)
4. อาหาร อุปกรณ์ทำครัว และเชื้อเพลิง
5. ของส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ แชมพู ผ้าขนหนู ผ้าถุง ผ้าขาวม้า และยาแก้แพ้ต่างๆ
6. เครื่องใช้อื่นๆ เช่น ไฟฉาย เสื้อกันฝน น้ำดื่ม ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น เข็มทิศ ถุงพลาสติกหรือถุงดำใบใหญ่ๆ นกหวีด (มีประโยชน์มากในกรณีที่หลงทาง) และของกินเล่นระหว่างทาง (ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนิยมช็อกโกแล็ตหรือขนมที่ช่วยให้พลังงาน)
7. อาหารสำรอง น่าจะเก็บเอาไว้จนถึงวันสุดท้ายของการเดินทาง ที่เราเชื่อมั่นว่าจะกลับออกมาข้างนอกได้แล้ว เผื่อเอาไว้หากมีกรณีฉุกเฉินที่ทำให้ไม่สามารถออกจากป่าได้ตามที่แพลนไว้ และอาหารการกินที่เตรียมการไปอาจจะหมดก่อนที่จะถออกจากป่าได้ 
เมื่อรู้ว่าควรจะนำอะไรติดตัวเข้าไปในป่าแล้ว เราก็มาดูวิธีการจัดเป้เดินทางกันว่าควรจะวางอะไรไว้ตรงไหนบ้าง หลักการง่ายๆ อย่างแรกก็คือ วางของที่คิดว่าจะใช้ทีหลังสุดไว้ล่างสุด  ให้ลองนึกภาพดูง่ายๆ โดยไล่ไปตั้งแต่เช้าจดเย็น สิ่งที่เราจะใช้เป็นสิ่งสุดท้ายก็ควรจะเป็นถุงนอน เพราะกว่าจะนอนได้ก็ต้องเดินไปถึงเป้าหมายที่ตั้งแค้มป์แล้ว ถุงนอนจึงเป็นสิ่งที่มักจะจะวางไว้ส่วนล่างสุดของเป้เดินทาง และเป้เดินทางในรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ก็มักจะมีช่องแยกต่างหากไว้ให้เก็บถุงนอนไว้ ด้านล่างด้วยเช่นเดียวกัน
ข้อควรจำอีกอย่างเรื่องการเดินป่าในเมืองไทยคือ ทุกครั้งที่เตรียมของลงเป้ เพื่อความปลอดภัย เราควรจะใส่ของทุกสิ่งทุกอย่างในถุงก๊อบแก๊บอีกชั้นก่อนที่จะ
จัดลงในเป้เดินทาง เพราะปัจจุบันนี้ เมืองไทยฝนตกแทบทั้งปี ไม่ว่าจะเดินป่าฤดูไหน หรือถึงแม้จะไม่มีฝนตก บางขณะการเดินป่าก็จำเป็นจะต้องมีการเดินผ่านน้ำ หรือปีนป่ายตามน้ำตกบ้าง หรือแม้กระทั่งน้ำค้างในเวลาเช้า การหุ้มของใช้ต่างๆ ในถุงพลาสติกอีกชั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น และไม่ได้ทำให้น้ำหนักของกระเป๋าหนักขึ้นแต่อย่างใด ตรงกันข้าม หากไม่ได้ใส่ของต่างๆ ในถุงพลาสติกแล้ว เกิดกระเป๋าของเรามีอันเป็นไป แอบหนีไปนอนเล่นในน้ำ ไม่ก็มีฝนตกระหว่างเดิน ทั้งเป้ทั้งของในเป้ก็คงแฉะหมด คราวนี้ล่ะ คงจะได้น้ำหนักส่วนเกินมากขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้แน่นอน
อุปกรณ์ต่อมาก็คือ เต็นท์หรือเปลและฟรายชีท ซึ่งโดยมากจะมีลักษณะเป็นถุงยาวๆ ให้นำเปลและฟรายชีทใส่ด้วยกันและนำมาวางไว้ในเป้ต่อจากเสื้อผ้า ส่วนโครงของเต๊นท์แยกออกมาและมัดเอาไว้ด้านนอกเป้เดินทาง ซึ่งควรจะมัดให้สมดุลและแน่น ไม่โคลงเคลงไปมาทำให้เป็นสิ่งกีดขวางในการเดินได้
ต่อไปก็ควรจะเก็บอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ เอาไว้ในตรงกลางเป้เดินทาง และเป็นตำแหน่งที่ใกล้กับส่วนหลังของเราเพราะการเตรียมเป้เดินทางที่ดีนั้น ควรจะวางของที่มีน้ำหนักมากไว้ช่วงที่ใกล้กับกลางหลังของเราหรือค่อนไปทาง ชั้นบนของเป้ ซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่รับน้ำหนักได้ดี และไม่ทำให้เสียการทรงตัวหรือเป้ส่ายไปมาในระหว่างเดิน
ถัดจากนั้น ก็คือการเก็บอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวต่างๆ เช่น พวกเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว สบู่ และยาสระผม เป็นต้น ส่วนข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ นั้น อาจจะจำเป็นต้องหยิบขึ้นมาใช้ระหว่างการเดินทาง เช่น ไฟฉาย เสื้อกันฝน หรือชุดปฐมพยาบาล ควรจะเก็บไว้ส่วนบนที่สามารถหยิบออกมาได้สะดวก เป้เดินทางโดยมากจะมีช่องเก็บของบริเวณฝากระเป๋าด้านบน จึงสามารถจะใส่ของจุกจิกพวกนี้ไว้ได้ ส่วนน้ำดื่ม ควรจะแยกเก็บไว้ตรงกระเป๋าข้างนอกหรือบริเวณที่สามารถหยิบออกมาได้ง่าย
สำหรับกรรมวิธีในการสะพายเป้เดินทางให้แนบแน่นและคล่องตัวที่สุดนั้น สามารถทำได้ง่ายๆ โดยแรกสุดก่อนที่จะสะพายเป้เดินทาง ก็ควรจะผ่อนสายรัดต่างๆ ออกให้หลวมเสียก่อน จากนั้นเมื่อสะพายเป้ขึ้นบ่าแล้ว จึงเริ่มจากการปรับสายรัดสะโพกให้กระชับพอดี ไม่หลวมหรือคับจนเกินไป แล้วจึงปรับสายของที่สะพายบ่า โดยดึงปลายสายลงพร้อมกันทั้งสองข้าง ให้รู้สึกว่ากระชับพอดี ไม่อึดอัด แล้วจึงดึงสายปรับระดับตัวเป้ที่เชื่อมระหว่างที่สะพายบ่ากับตัวเป้ทั้งสอง ข้างพร้อมกัน ให้กระชับเพื่อความคล่องตัวในเวลาเดิน เพียงเท่านี้ คุณก็จะสามารถเดินป่าได้อย่างมีความสุข ไม่ใช่การทรมานร่างกายเหมือนที่บางคนเคยประสบมา

[fullyi24]

ฝากด้วยค่ะ