ตัวปัญหาที่ทำให้คนเลี้ยงหมาหรือแมว ปวดศีรษะสุดๆ ก็คงไม่พ้นตัวปัญหา เห็บหมัด กันแน่นอน ยิ่งช่วงที่เป็นช่วงที่อุณหภูมิและความชื้นเหมาะสมอย่า
งเมืองไทยซึ่งเป็นเขตร้อนชื้นด้วยแล้ว จัดเป็นสภาพอากาศที่เหมาะสมในการฟักตัวของเห็บหมัดอย่างมาก
ในการฟักตัวจากไข่และเจริญวัยเป็นตัวอ่อนและกลับขึ้นมาบนตัวสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรา ปกติแล้วหลายต่อหลายครั้งที่ผู้เลี้ยงมักจะเรียกสลับกัน
ระหว่างเห็บ กับหมัด เพราะเห็บที่ส่วนใหญ่อยู่บนตัวสุนัขจะมีทั้งเห็บตัวผู้ และเห็บตัวเมียที่อาจจะดูหน้าตาแตกต่างกัน แต่สรุปแล้วมันก็คือ เห็บทั้งคู่
เห็บกันหมัดต่างกันอย่างไร ? เห็บ เกาะนิ่งอยู่กับที่เมื่ออยู่บนตัวสุนัข แต่หมัดจะเคลื่อนอย่างรวดเร็วกระโดดได้ ทำให้จับตัวได้ลำบาก
หมัด จัดเป็นสัตว์จำพวกตัวแมลงที่ไม่มีปีก มีลำตัวสีแดง มองจากภายนอก จะพบลำตัวของหมัดแบนด้านข้าง ขนาดความยาวลำตัวจะเล็ก
ประมาณ 1.5-4 มม. เป็นลักษณะปล้องๆต่อกัน มีขาอยู่ 3 คู่ เมื่อแพร่พันธุ์ตัวเมียจะวางไข่อยู่นอกตัวสุนัข ครั้งละโดยประมาณ 20 ใบ
ไข่มักจะอยู่ตามช่องหรือรอยแตกของพื้นและผนังบริเวณที่สุนัขอาศัย และจะกินเลือดที่ติดมากับอุจจาระของหมัดตัวเต็มวัยเป็นอาหาร
หมัดที่โตเต็มที่แล้วจะกลายเป็นตัวเต็มวัยที่มีความสามารถจะเพาะพันธุ์, หาอาหาร และดำรงชีวิตได้ด้วยตนเองแล้ว
เนื่องจากว่าหมัดมีความรวดเร็วในการเคลื่อนไว
เมื่อแอบซ่อนตัวอยู่ภายใต้ขนของหมา หมัดจะเดินอย่างเชื่องช้า หรือหยุดนิ่งในขณะกินอาหาร
แต่เมื่อรู้สึกตัวว่าถูกจู่โจมหรือเป็นที่จ้องมองของมนุษย์ เวลาที่เราเปิดขนของหมาออก หมัดก็จะรีบวิ่งอย่างเร็ว หรืออาจกระโดดหนีไปเลย
เพราะหมัดมีความสามารถในการกระโดดได้ไกลมาก 
เห็บ เป็นแมลงที่มีขา 8 ขา ลำตัวแบนทางด้านบนและด้านล่าง มีรูปร่างเป็นลูกนัทหรือลูกเกต นอกจากนี้เห็บยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่
คือเห็บแข็งและเห็บอ่อน แต่เห็บอ่อนจะมีผิวที่ลำตัวคล้ายหนัง ทำให้ลำตัวอ่อนนุ่ม ส่วนเห็บแข็งลำตัวจะแข็งแร็งกว่า 
วงจรชีวิตของเห็บมีด้วยกัน 4 ระยะ คือ ไข่, ตัวอ่อน, ตัวกลางวัยและตัวเต็มวัย 
ภายหลังผสมพันธุ์ ตัวเมียจะต้องดูดกินเลือดจนตัวเปล่งต่อจากนั้นจึงจะลงมาวางไข่ตามบริเวณแวดล้อม ตัวอ่อน, ตัวกลางวัยและตัวเต็มวัย
ล้วนแล้วแต่ต้องดูดเลือดของหมากินเป็นอาหารด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งการกินอาหารของเห็บจะใช้อวัยวะบางส่วนของปากเจาะผ่านผิวหนัง
และยึดติดกับผิวหนังของหมาอย่างแน่น โดยเหตุนั้นเวลาดึงเห็บออกจากผิวหนังจะทำให้เกิดแผลและมีเลือดไหลที่หยุดยากเพราะน้ำลายของเห็บ
จะมีสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด เห็บและหมัดในสุนัขเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะไม่เฉพาะแต่จะสร้างความรำคาญให้แก่น้องหมาของเราเท่านั้น
แต่เห็บและหมัดยังเป็นพาหะนำโรคภัยไข้เจ็บมายังหมาอีกด้วย สาเหตุอันดับต้นๆ ที่..ทำให้หมาเป็นโรคต่างๆ
อย่างเช่น  เช่น โรคโลหิตจาง โรคตับ โรคไต โรคผิวหนัง ที่เกิดจากน้องหมาแพ้น้ำลายของเห็บหมัด 
ที่มาดูดเลือดบนตัวหมา โรคพยาธิในเม็ดเลือด ซึ่งมีเห็บเป็นพาหะ โดยที่เห็บดูดเลือดบนตัวน้องหมาที่เป็นโรคพยาธิในเม็ดเลือด จากนั้นเห็บตัวนั้นมาดูดเลือดน้องหมาอีกตัว
น้องหมาตัวนั้นก็จะติดโรคพยาธิในเม็ดเลือดทันใด ถ้าหากสุนัขมีเห็บหมัดอยู่บนตัว นอกจากจะกำจัดเห็บหมัดบนตัวของสุนัขแล้ว
สิ่งที่จำเป็นที่ขาดไม่ได้ คือ การกำจัดเห็บหมัดตามที่ที่น้องหมาอาศัยอยู่ เพื่อเป็นการกำจัดไข่และตัวอ่อนของเห็บหมัดที่อยู่นอกตัวน้องหมา
ไม่ให้กลับมาขึ้นที่ตัวอีก วิธีกำจัดเห็บหมัดตามบริเวณที่สุนัขอยู่อาศัย ทำได้โดยใช้ เครื่องพ่นไอน้ำstemsr พ่น กำจัดเห็บหมัด ตามขอบ หลืบ มุมพื้นสุนัขนอน
เครื่องพ่นไอน้ำ STEMAR ฆ่าเห็บได้ทุกวัยรวมทั้งไข่ หรือพ่นฆ่าเห็บหมัด อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เครื่องพ่นไอน้ำ STEMAR  ไม่เพียงแต่พ่นกำจัดเห็บหมัดได้เท่านั้น
แต่ยังสามารถพ่น กำจัดตัวเรือด ตัวไรฝุ่น จุลินทรีย์ เชื้อ Virus และ Bacteria ต่างๆ ที่หลบอาศัยในห้องนอน หรือ พ่นฆ่าเชื้อโรคและทำความสะอาด
ตามพื้นบ้าน คอนโด โรงแรม, โรงพยาบาล, เกสเฮ้าท์, รีสอร์ท, บ้านพัก, อพาร์ทเม้นท์ สถานที่อยู่
ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ ของเล่น ตู้เสื้อผ้า  โซฟา ห้องทำงาน ยวดยานพาหนะ รวมทั้งสถานที่ต่างๆ ที่ห้ามใช้สารเคมี
เป็นนวัตกรรมแบบใหม่จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ใช้เทคโนโลยีพลังงานไอน้ำอุณหภูมิได้สูงถึง 200 °F (95 °C)
น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย มีล้อสำหรับลากขณะที่ใช้งานเพื่อความคล่องตัว เครื่องพ่นไอน้ำ STEMAR เพื่อกำจัดเห็บหมัด ตัวเรือด ไรฝุ่น และอื่นๆ
นำเข้าโดย บริษัท เอ็นริช ฟ็อกเกอร์ ศูนย์รวมในการจำหน่ายเครื่องพ่นหมอกควันพ่นกำจัดยุงแมลง และอุปกรณ์ในการกำจัดแมลงต่างๆ โดยตรงไม่ผ่านเอเย่นใดๆ
เป็นเครื่องมือที่ปลอดภัยต่อการใช้งานและปลอดเคมีใดๆทั้งสิ้นแบบ 100 %ซึ่งไม่เป็นอันตรายกับคนในบ้าน, เด็กเล็ก, สัตว์เลี้ยงต่างๆ
และสภาพแวดล้อม